ลิลิตพระลอ: Feb 2, 2007

ลิลิตพระลอ

Name:
Location: Bangkok, Thailand

Friday, February 2, 2007

จากสรวง


พระลอสั่งงานเมือง เตรียมทัพ
ร่ำลามเหสีแลสนมนางใน

    ในตอนร่ำลามเหสี มีโคลงบทหนึ่งซึ่งคล้ายกับใน "ลิลิตเตลงพ่าย" (ปัจจุบันใช้ "ตะเลง") ตอนพระมหาอุปราชเข้าไปล่ำลาพระมเหสีเพื่อสู่ศึกโยธยา ซึ่งข้าพเจ้าออกจะชอบมากกว่า อยู่เล็กน้อย อ่านช่วงนี้ทีไรก็นึกสงสารพระมหาอุปราชา
ความว่า..

    o จำใจจำจากเจ้าจำจร
จำนิราศแรมสมรแม่ร้าง
เพราะเพื่อจักไปรอนอริราช แลแม่
จำทุกข์จำเทวศว้างสวาดิว้าหวั่นถวิล ฯ

________________________________

ร่าย
    o โองการสั่งมนตรี ผู้ภักดีต่างใจ อยู่ระไวต่างองค์ ดำรงรั้งรักษา ภาราเราจงบำรุง ผดุงราษฎร์อย่าให้เคือง ศัตรูเมืองเร่งบำบัด หนึ่งจอมกษัตริย์แก่นไท้ ถนอมบาทบงกชไว้ เหมือนเมื่อเที้ยรกูยัง ฯ

ร่าย
   o แล้วตรัสสั่งขุนพล พวกพหลเหี้ยมหาญ เร่งเตรียมการพยุหบาตร จัตุรงคราชเรืองรบ ครบทุกหมู่ทุกหมวด ตรวจให้สรรพโดยเขบ็จ จัดให้เสร็จโดยขบวร กูจักยวรยาตรเต้า ในวันรุ่งพรุ่งนี้เช้า แต่งตั้งเตรียมพลัน ฯ

โคลง ๒
    o เสร็จผายผันสู่ห้องเรือนหลวงโลมลาน้อง
อยู่เจ้าจงดีแม่ฮา ฯ
    o เรียมจะลีลาศเต้าอยู่แม่อยู่อย่าเศร้า
ไป่ช้าคืนสมแม่แล ฯ
    o ลักษณวดีกรมทรวงสร้อยทุกข์แทบเลือดตาย้อย
เนตรน้ำนองนูน ฯ 
    o นบนิ้วทูลเจ้าหล้าพระองค์อาจละข้า
บาทไว้ผู้เดียวพระเอย ฯ
    o ทางไกลเปลี่ยวสัตว์ร้ายผีคนองหลอนคล้าย
ทำเล่ห์ให้เห็นตัว ฯ 
    o กลัวศัตรูฝ่ายหน้าหลังพระเสียใจข้า
ดุจดับแก้วสองดวง ฯ 
    o ขอห้ามหวงเจ้าหล้าอยู่ปกเกศเกล้าข้า
พระบาทท้าวอย่าไป ฯ 


สยายเกศเช็ดบาทไท้    ธิราชไว้เปนเฉลิม

โคลง ๔
    o สิ่งใดในโลกล้วนอนิจจัง
คงแต่บาปบุญยังเที่ยงแท้
คือเงาติดตัวตรังตรึงแน่น อยู่นา
ตามแต่บุญบาปแล้ก่อเกื้อรักษา ฯ
    o จากนุชเรียมขุ่นไข้อารมณ์ เรียมนา
จากที่สมไปสมเกลือกแคล้ว
ผิจักอยู่อกกรมเกรียมสวาท นาแม่
จำพี่จำจากแก้วไป่ช้าคืนสม ฯ
    o พระไปแม้พระได้สมสอง
ไหนจะคืนคงครองครอบเกล้า
อย่าคิดอย่าจงปองสองปล่อย มาฤๅ
สองจักลองโลมเล้าอยู่ว้าวังขัง ฯ
    o จำจากใช่จากด้วยชังสมร แม่นา
จากแม่รักฤๅรอญขาดได้
เด็จบัวแม่เด็จอรยังเยื่อ ใยนา
ไปบ่ลืมน้องไท้อย่าร้อนรนทรวง ฯ
    o สุดทานสุดทัดท้าวสุดบุญ
ทรงโศกพักตรซบซุนร่ำไห้
เหนือบาทยุคลขุนครวญคร่ำ ไปนา
สยายเกศเช็ดบาทไท้ธิราชไว้เปนเฉลิม ฯ
    o เห็นโศกเพิ่มโศกท้าวกลอยนาง
พลางพระโลมนุชพลางปลอบน้อง
อย่าโศกจะเปนลางในพฤกษ์ ไพรนา
ดับทุกข์ดับเทวษข้องขุ่นแค้นเสียโฉม ฯ
    o เสร็จโลมเสร็จสั่งเจ้าจอมสนม
สนมอยู่อย่าเกรียมกรมอกไหม้
ปวงนางรับคำคมบัวบาท ท่านนา
ซบสอึกสอื้นไห้แซร่ซร้องแรงโรย ฯ
    o เสียงโหยเสียงไห้มี่เรือนหลวง
ขุนหมื่นมนตรีปวงป่วยซ้ำ
เรือนราษฎร์ร่ำตีทรวงทุกข์ทั่ว กันนา
เมืองจะเย็นเปนน้ำย่อมน้ำตาครวญ ฯ
    o เห็นไห้ทุกหมู่ถ้วนหญิงชาย
ใจสั่นรันทดกายท่านไท้
สูเอยอย่ากรรหายเหิมโศก นักนา
ทุกข์นักมักเกิดไข้มักไข้พลันตาย ฯ

________________________________


คือ ขบวนทัพหลวง

    ในตอนนี้กล่าวถึงเรื่องภายใน แลบรรยายการจัดทัพไว้อย่างละเอียด
    เมื่ออ่านช่วงนี้จึงทำให้เห็นคล้อยตามที่ สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพได้ประทานอธิบายไว้ อันปรากฏในตอน "คำนำ" ที่ว่า...
"... ผู้แต่งลิลิตพระลอเป็นผู้รู้ราชประเพณีและการเมือง ต้องเป็นบุคคลชั้นสูงอยู่ในราชสำนัก ประกอบทั้งเป็นผู้เชี่ยวชาญอักษรศาสตร์... " ได้เปนอย่างดี
________________________________

ร่าย
    o โศกเสื่อมคลายใจราช เสร็จสั่งนาฎสั่งสนม ถ้วนทุกกรมกำนัล ท้าวธบทันไสยา แสงจันทราโอภาส ดาราดาษดารก ตกต่ำคล้อยเจียนรุ่ง ผกายพรึกพุ่งอัมพรา ไก่ตื่นตาปรบปรือ ปีกกระพือขันเร้า เสียงดุเหว่าเกริ่นร้อง เสด็จสู่ห้องบังคน นางถวายชลเอางาร ภูบาลสู่ที่สรง ชำระพระองค์บนาน ทรงสุคนธ์ธารกลิ่นลลุง ปรุงปนทองธารทรง ผจงสนับเพลาบวร ภูษาภรณ์เลื่อมลาย รัดพัสตรพรายไพจิตร พิศชายไหวยยาบ ชายแครงคาบเครือวัลย์ พิพิธพรรณเสื้อสนอบ รัดอุระรอบเรืองรอง สังวาลตรองตาบประดับ ทับทรวงแสงร่วงรุ้ง พลอยเพ็ชรพุ่งยรรยง ทรงทองกรจำรัส พาหุรัดรูปมังกรกลาย ธำมรงค์พรายเพริศแพร้ว มกุฎแก้วแสงใส ทรงพิไชยอาวุธเสร็จ บพิตรเสด็จนวยนาด ดั่งพระยาราชไกรสร จากศิขรคูหารัตน์ บัดถึงเกยบมินาน ขุนช้างชาญควาญขับ ประทับเทียบเกยแก้ว ทรงคอคชสารแล้ว เคลื่อนแคล้วพลพฦนท์ ฯ

โคลง ๒
    o แตรสังข์พิณพาทย์ฆ้องเสียงประโคมครื้นก้อง
แหล่งหล้ากรุงไกร ฯ 

โคลง ๔
    o พระยาไชยนุภาพล้ำเลิศเหลือ
ชาญชำนิเศิกเสือปราบแผ้ว
งามสรรพลักษณเจือใจราช สงวนนา
ข่ายภู่รัตคนแพร้วเพริศพร้อมดาวทอง ฯ
    o สองขอยอยศไท้มหิมา
ดูดั่งองค์อมราสู่หล้า
พาหนะดุจคเชนทราจอมเทพ เปรียบฤๅ
พลดั่งพลหยาดฟ้าแหล่งหล้าสรรเสริญ ฯ

ร่าย
    o ธงหน้าเดิรนำพล ธงโบกบนสัญญา เคลื่อนพลดาโดยด่วน ถ้วนทุกหมู่ทุกหมวด ขุนตำรวจสารวัด จัดแจงเดิรคู่เคียง ม้าเดิรเรียงเดิรราย ขยายระยะโดยควร นายถือทวนหมายมาด ภู่แดงดาษปลิวปลาย สพายแล่งศรมหิมา เครื่องอาชายรรยง งามบรรจงเพริศแพร้ว ล้วนแก้วก่องแกมมาศ อัศวชาติสินธพ แลเลิศลบเผ่นผยอง ลองเชิงร้องเครงครื้น สู้ศึกยืนบ่มิพ่าย นายขี่ขับเข้มแขง ล้วนตำแหน่งยศเจ้าหล้า ขุนม้าหมื่นม้าครัน พันม้านายม้ามาก พิศโสภาคย์โสภา มากดาษดาแต่งแง่ แผ่ตนตามเจ้าหล้า แห่ไปหน้าก็มาก แห่หลังหลากเหลือหลาย แห่ฝ่ายซ้ายดาษดา แห่ฝ่ายขวาดาษเดียร พิศเพียนพร้อมงามสรรพ คณนานับบมิถ้วน ล้วนม้าลักษณ์ม้าเลิศ เฉกโฉมเฉิดแหล่งหล้า พิศยิ่งงามถ้วนหน้า ยิ่งม้าเมืองบน ฯ

ร่าย
    o แลพวกพลยรรยง ธงนำพลยยับ ดับกองร้อยกองพัน แห่กองกันกองแล่น แห่แหนแน่นขุนหมื่น ดูระรื่นมหิมา คณนาไปสล้าง พวกพลด้างพลดาบ พลกำซาบธนู ดูพลหอกพลห้าว ดูพลง้าวพลงาม พลเขนตามเสโลห์ โตมรสลอนปืนไฟ ย่อมพลไกรโอ่อ่า งามสง่าพรรณราย ไพร่เดิรนายเดิรดับ สำรับถ้วนขุนหาญ ขี่สารสูงแกล้วกล้า ดาบหน้าสลาบครุฑควร เดิรโดยขบวนแหนแห่ นายแวงแหล่เหลือหลาย นายแวงซ้ายแวงขวา นายแวงหน้าแวงหลัง แวงจัตุลังคบาท รักษาราชนฤบดี นายแวงสี่ตีนช้าง ข้างพระคชกรรกง แวงองครักษ์ตำรวจ กวดขันแหนแห่ห้อม ล้อมพระคชสำหรับ ขับทวิรถรัตนาสน์ พลหน้าดาษดูยง อลงกตกุญชร บวรวิภูษา เครื่องราชาธิราช งามถึงขนาดเพริศพร้อม งามเครื่องงามพลห้อม เสด็จไท้พระบาท ท่านนา ฯ
________________________________

รายทางสู่สรอง


คืนแรกนอกวัง รำพันถึงพระมเหสี

________________________________

โคลง ๔
    o พระองค์โอภาสเพี้ยงศศิธร
เสด็จดุจเดือนเขจรแจ่มฟ้า
ดวงดาวดาษอัมพรเรียงเรียบ
ดูดุจพลเจ้าหล้ารอบล้อมเสด็จโดย ฯ
    o พระเล็งแลราษฎร์รั้วเรือกสวน เรือกนา
พิศไร่นานึกอวรอ่อนไท้
ป่านี้รูปรอยครวญถึงพี่
อกอ่อนรทวยไหม้คร่ำแค้นใครโลม ฯ
    o จักไปบใคร่แค้วเทพี พี่เอย
จักใคร่คืนคิดศรีฝ่ายหน้า
ไปดีอย่าไปดีใดดั่ง นี้นา
คิดเร่งอ้างว้างว้าห่วงหน้าคิดหลัง ฯ
    o หนหลังเสาวภาคย์ล้วนความรัก
ยาหยูกเขาขลังนักฝ่ายหน้า
จักคือพระลอลักษ์ฤๅใคร่ คืนเลย
ตัดฝ่ายคืนเจ้าหล้าแต่ตั้งจักไป ฯ

ร่าย
    o คลี่ไคลพลคล้ายคล้าย แลนา เร่งผ้ายเร่งคลาดคลา แลนา ล่วงแดนนาแดนไร่ แลนา ไต่ทางหลวงทางหลาย แลนา กรายถิ่นฐานบ้านนอก แลนา ต้นหนบอกตำบล แลนา ให้หยุดพลเอาทัพ แลนา ไพร่พรึบจับการจวน แลนา แต่งตามขบวนเขบ็จ แลนา ท้าวธเสด็จพพลาทอง แลนา เสนานองนั่งเฝ้า ลอบพิตรพระเจ้า ท่านท้าวมหิมา ฯ

ร่าย
    o พี่เลี้ยงข้าถนอมบาท ชาวมหาดเปนกำนัล เฝ้าคั่งคัลโดยกำหนด พระสุริยลดลงต่ำ จะใกล้ค่ำรเรื่อย ลมฉ่ำเฉื่อยฉุนสมร พระภูธรคำนึง ถึงพระราชเทพี ลักษณวดีเพื่อนภิรมย์ โฉมสนมหนุ่มหน้า มือลูบอกโอ้อ้า ด่วนร้างเรียมตรอม อยู่แลฯ



โคลง ๔
    o เห็นเดือนดุจดั่งหน้าเพาพงา พี่เอย
เรียมเรียกนงนุชมาพี่ถ้า
เล็งแลเหล่าเห็นตรากระต่าย เปล่านา
เดือนยแย้มแย้มหน้าใคร่กลั้นใจตาย ฯ
    o เห็นดาวเดียรดาษห้องเวหา
เหมือนหมู่สาวสนมมาใฝ่เฝ้า
พิศดูย่อมดาราเรียงรอบ ไปนา
โอ้อ่อนสาวสนมเหน้าหนุ่มร้างแรมสมร ฯ

โคลง ๒
    o นอนเดียวเปลี่ยวอ้างว้างกรกอดอกไห้ช้าง
จากชู้เมียไกลอกนา ฯ
    o พิศไพรเพยียรวดเร้าหอมกลิ่นกลกลิ่นเจ้า
พี่ฟุ้งหอมขจรบารนี ฯ
    o นกสมสมรปากป้อนถนัดดั่งเจ้าเยียวอ้อน
อ่อนให้เรียมโลม ฯ 
    o คิดถึงโฉมอ่อนอ้าถนัดดั่งจะเห็นหน้า
หนุ่มเหน้าสุดใจพี่เอย ฯ
    o ฉันใดสองพี่เลี้ยงบปากสักคำเพี้ยง
ดั่งใบ้ฤๅควรนะพี่ ฯ
    o วานช่วยสรวลแก้หน้าชาวนอกฉันนี้อ้า
พี่เอ้ยวานดูหนึ่งรา ฯ

โคลง ๔
    o เห็นบ้านบดุจบ้านเมืองเรา พี่เอย
เรือนโรงรุกรุยเขารูปร้าย
บเห็นที่จักเอาสักหยาด เลยพี่
เห็นดั่งนี้สู้หม้ายอยู่แล้ฤๅแล ฯ
    o พระเอยอาบน้ำขุ่นเอาเย็น
ปลาผอกหมกเหม็นยามอยากเคี้ยว
รุกรุยราคจำเปนปางเมื่อ แคลนนา
อดอยู่เยียวดิ้วเดี้ยวอยู่ได้ฉันใด ฯ
    o ยามไร้เด็ดดอกหญ้าแซมผม พระเอย
หอมบ่หอมทัดดมดั่งบ้า
สุกกรมรำดวนชมเชยกลิ่น พระเอย
หอมกลิ่นเรียมโอ้อ้ากลิ่นแก้วติดใจ ฯ
    o สองนายสนองนาถพ้อไปมา
พระหากเจรจาใจจอดน้อง
หัวใจหนึ่งโหยหาสองเพื่อน แพงนา
ใจหนึ่งนึกนางห้องหนุ่มหน้าพระสนม ฯ

โคลง ๒
    o พระตนกลมแก่นไท้กรกอดหมอนม่ายไหม้
สวาทว้าหัวใจ ฯ 
    o เดือนสุทธิใสส่องฟ้าลอบพิตรเจ้าหล้า
ท่านท้าวเสด็จไป ฯ 

________________________________


ชมป่า

    เปนตอนชมนกชมไม้ในป่า แสดงถึงความรอบรู้ในพรรณพฤกษาแลคณาสัตว์ ความเชี่ยวชาญอักษรศิลป์อย่างยิ่งของผู้ทรงนิพนธ์
มีการเปรียบเปรยแลเล่นคำอย่างวิจิตร สละสลวย "วัลย์โอบเอวไม้อ้า อ่อนอ้อมเอวเรียม"   "ลางลิงลิงลอดไม้ ลางลิง"

________________________________

ร่าย
    o คลี่ไคลพลผาดผ้าย แลนา คลับคล้ายถึงทุ่งนา แลนา คลับคลาถึงทุ่งหญ้า แลนา หัวหน้าเข้าพงเลา แลนา พลเทาถึงพงแฝก แลนา พงแขมแทรกคาพง แลนา ถึงป่าดงป่าแดง แลนา เห็นรแหงแหล่งไหล้ แลนา เห็นหมู่ไม้หนั่นหนา แลนา ราชาชมชื่นชี้ แลนา คือไม้หมู่นี้นี้ ชื่อโอ้นามใด แลนา ฯ



โคลง ๒
    o พลจรใจจำหมั้นทูลชื่อไม้นั้นนั้น
แด่ไท้ทุกอัน ฯ 
    o ครั้นธรู้ตระหนักแล้วลอราชชมไม้แก้ว
เหมือนดั่งแก้วกลอยใจพี่นา ฯ

โคลง ๔
    o แอ่นเคล้าเหมือนแม่เคล้าคลอคลึง พี่นา
หอมกลิ่นเรียมคิดถึงกลิ่นเจ้า
สุกกรมพยอมพึงใจพี่ พระเอย
เหมือนกลิ่นอรหนุ่มเหน้าพี่ต้องติดใจ บารนีฯ
    o นางแย้มเหมือนแม่แย้มยินดี ร่อนา
ต้องดุจมือเทพีพี่ต้อง
ช้องนางคลี่เกศีนุชคลี่ ลงฤๅ
รักดุจเรียมรักน้องร่วมรู้รักเรียม ฯ
    o ยมโดยประดุจเจ้าจงโดย
ใบโบกคือนุชโชยเรียกข้า
เรียมเห็นเกดเรียมโหยหาเกศ นุชแม่
วัลย์โอบเอวไม้อ้าอ่อนอ้อมเอวเรียม ฯ
    o เล็บมือนางนี้ดั่งเล็บนาง เรียมนา
ชมม่านนางหวังต่างม่านน้อง
ชมพูสไบบางนุชคลี่ ลงฤๅ
งามป่านี้ไม้ปล้องแปลกปล้องคอศรี ฯ

ร่าย
    o พระลอเสด็จลีลา ชมพฤกษาหลายหลาก สองปลากข้างแถวทาง ยางจับยางชมฝูง ยูงจับยูงยั่วเย้า เปล้าจับเปล้าแปลกหมู่ กระสาสู่กระสัง รังเรียงรังรังนาน ไก่คราญไต่หงอนไก่ ไผ่จับไผ่คู่คลอ ตอดตอจับไม้ตอด ตับคาลอดพงคา คล้าคลาจงจับคล้า หว้าจับหว้าลอดแล คับแคจับแคป่า ดอกบัวล่าชมบัว กระเวนวังนัวกระเวนดง ช่างทองลงจับทองยั้ว แขกเต้าตั้วเต้าแขก ไต่ไม้แมกไปมา บ่รู้กี่คณาชมผู้ ขมพิหคเหิรรู้ เรียกร้องหากัน ฯ

โคลง ๔
    o กาจับกาฝากต้นตุมกา
กาลอดกาลาการ่อนร้อง
เพกาหมู่กามาจับอยู่
กาม่ายมัดกาซร้องกิ่งก้านกาหลง ฯ
    o ตาเสือเสือผาดผ้ายหนีทาง
กวางแนบหูกวางฟานฟิดเร้น
ช้างน้าวหมู่บงทรางซอนอยู่
ช้างลอดอ้อยช้างเหล้นป่าลี้ลับดง ฯ
    o ลางลิงลิงลอดไม้ลางลิง
แลลูกลิงลงชิงลูกไม้
ลิงลมไล่ลมติงลิงโลด หนีนา
แลลูกลิงลางไหล้ลอดเลี้ยวลางลิง ฯ

ร่าย
    o หวดเหียงหาดแหนหัน จันทน์จวงจันทน์แจงจิก ปริงปรงปริกปรูปราง คุยแคคางค้อเค็ด หมู่ไม้เพล็ดไม้พลอง หมู่ไม้ฟองไม้ไฟ ไม้ไผ่ไพไม้โพ ไม้ตะโกตะกู ไม้ลำภูลำแพง หมู่ไม้แดงไม้ดัน ไม้สมพันสารภี ไม้นนทรีทรบูน คูนกำกูนกำยาน ไม้พิมานขล้อขลาย ไม้กำจายกจับบก ไม้กทกรกสักสน คณนามีหมู่ไม้ กล่าวแต่พอจำได้ กว่านั้นยังเหลือ แลนา ฯ

โคลง ๒
    o ไม้เครือไม้กุ่มก้อมค้อมเกี้ยวกลลำย้อม
ยอดม้วนใบงามบารนี ฯ
    o ดอกดวงซามช่อช้อยหอมตลบอบสร้อย
เร่งน้อยใจถึงแม่ฮา ฯ
    o คำนึงหลังห่วงหน้าใจพี่เพี้ยงเปนบ้า
เพื่อร้างแรมสมรมาแล ฯ

________________________________


เข้าด่านเมืองสรอง

    ถึงเขตแดนเมืองสรองให้ทัพหลวงกลับ คงเหลือผู้ติดตามสัก ๑๐๐ แลพี่เลี้ยงทั้ง สอง
    ปลอมตัวเปนขุ่นด่านเมืองสรองมาตรวจด่าน เข้าสู่สรองโดยราบรื่น
 

________________________________

ร่าย
    o พระพเนจรหล่ำ ได้หลายค่ำหลายวัน ถึงแดนอันจนิยต กำหนดพระราชสีมา ตั้งพพลาทัพหลวง ทั้งปักปวงป่าดาดาษ งามถึงขนาดควรชม ถ้วนทุกกรมมนตรี เฝ้าภูมีเดียรดาษ พระลอราชเจ้าช้าง จึ่งเอื้อนโองการอ้าง ดั่งนี้เสนา ฯ



โคลง ๒
    o จักลีลาไปช้าสูทั้งหลายนี้อ้า
กลับบ้านสำราญก่อนเทอญ ฯ

โคลง ๔
    o มานานจรหล่ำแล้ถึงแดน
ควรส่งพลแสนคืนสู่หย้าว
ทุกคนเอนดูแคลนครวญลูก เมียนา
กูคนึงถึงท้าวเพื่อนไท้แพงทอง ฯ
    o มนตรีต่างเนตรไหว้บทมาลย์
จบบาทธุลีธารใส่เกล้า
ขอพระจงอยู่บานใจก่อน พระเฮย
สามสี่วันพระเจ้าจึ่งให้พลเมือ ฯ
    o นานนักกว่าชิ่นแล้มนตรี
ไปพรุกควรพอดีอย่าช้า
ครั้นนานราชธานีเราเปลี่ยว อยู่นา
เยียวออกท้าวเจ้าถ้าข่าวถ้าฟังสาร ฯ
    o ซร้องนิ้วนบบาทไท้บุญขจร
ไหว้อยู่สลอนต่างดอกไม้
เสมอสัตวภูธรชุบปลูก ไส้พ่อ
ทุกสิ่งเหนือหน่อไท้ก่อเกื้อทุกอัน ฯ
    o ขอโดยเสด็จราชไท้ทรงธรรม์
คืนขอบเสวยไอศวรรย์ผ่านหล้า
ผิไปแลถึงกรรม์ดีกว่า คืนพ่อ
ยากสิ่งใดไส้ข้าคิดได้อาสา ฯ
    o ไปหน้าคิดใคร่ไส้คืนหลัง
เกรงแผ่นดินเกรงทังออกท้าว
สูเคยเมื่อกูยังครองแผ่น ดินนา
ครองแผ่นดินทุกด้าวอย่าให้ใครแคลน ฯ
    o ฝากเมืองช้างม้าไพร่พลหลวง
ฝากนอกในทั้งปวงแหล่งหล้า
อย่าลืมหมั่นไตรตวงผิดชอบ ดูนา
ฝากออกท้าวเจ้าฟ้าผากแก้วกลอยสมร ฯ
    o สั่งมนตรีถี่ถ้วนทุกกรม
รับราชโองการสมใส่เกล้า
น้ำตาถั่งอารมณ์รักราช แลนา
ขอบพิตรพระเจ้าอย่าช้าเสด็จมา ฯ
    o สูถึงพระบาทไท้ชนนี ท่านนา
ทูลว่าจอมกษัตรีย์ลูกไท้
เสวยสวัสดิ์สำราญมีสุขอยู่ ไส้นา
โอนมกุฎเกล้าไหว้พระบาทเจ้ากูมา ฯ
    o แล้วสูไปไหว้แจ่มจอมกษัตริย์ พี่เอย
ทูลว่ากูเสวยสวัสดิ์ห่อนไข้
จักพลันสู่สมรัตน์ชาเยศ ไส้นา
อย่าลห้อยไห้ให้อยู่ถ้ารับเรียม ฯ

ร่าย
     o ธก็ให้เตรียมแต่ง แบ่งปันคนผู้สนิท อันเชื้อชิดภูบาล ประมาณร้อยหนึ่งไว้ โดยเสด็จไท้ธิบดี ธก็สั่งมนตรี แลไพร่ฟ้า ช้างม้าคลี่คืนเมื้อ โองการเชื้อสองพี่ คิดที่เราจะไป ก็ให้ผูกกระไดข่าวคอย ผู้รู้รอยชาวด่าน หว่านความรักชักชิด ครั้นเข้าสนิทไมตรี จึ่งบอก คดีโดยปอง ให้เงินทองผ้าเสื้อ เผื่อใจจักเข้ามา จงเจรจาให้ชอบใจ เปนภายในชักชิด ว่าบพิตรธประสาท ให้พระราชทานรางวัล เงินทองครันอิ่มอก อย่าปิดปกกังวล บอกยุบลให้เห็น ตัวธเปนขุนด่าน พี่เลี้ยงท่านเปนหมื่นแขวง นายแวงเปนหัวพัน ชาวกำนัลเปนไพร่ ไขว่ชื่อถ้วนทุกคน เรียกกันกลชาวด่าน บล่านทางเลียบคอย ไขรอยปิดเงื่อนงำ ความขำบให้แพร่ง จงแต่งแง่ให้เปนกล พบผู้คนทักทาย กรายถิ่นฐานบ้านป่า เขาถามว่าจงถนัด บอกจงชัด ชื่อเสียง มาแต่เวียงเลียบด่าน แล้วท่านจะคืนเมือง ยังจะเคืองฤๅจะคล่อง บอกจงถ่องจงแท้ โดยยุบลนี้แล้ อย่าได้อำอวม ฯ

โคลง ๒
    o บุญพระสรวมตูข้าพระแต่งกลบเกลื่อนหน้า
ชอบแท้ทุกอัน ฯ 
    o พระจะพลันไปไส้ไว้แต่สองนายให้
ท่านท้าวเสด็จไป ฯ 
    o ถึงทวารไพรฝ่ายนั้นดูดุจชวนกันดั้น
ป่าด้นดงหา ฯ 
    o ตูไหว้ลาพระณเกล้าไว้แต่สองนายเฝ้า
พระบาทแล้วเขาไป ฯ 

ร่าย
    o เมื่อนั้นท้าวไคลคลา ล่วงแดนนาแดนราษฎร์ สองนายนาถนำทาง ธวางเพศท้าวผู้มีบุญ ทำทรงขุนด่านแล้ว ทรง เสื้อผ้าหมวกแก้ว บให้เห็นองค์ ท่านนา ฯ

โคลง ๒
    o เสด็จโดยด่านดงกว้างยลรอยคนรอยช้าง
กษัตริย์ด้วยเปนสาม ฯ 

ร่าย
    o ตามสองนายนำนาถ ท้าวธลีลาสคลาไคล เสด็จไปโดยอันดับ เอาทับทุกดำบล ดลทวารไพรที่อยู่ ชาวด่านหมู่สำคัญ ชวนกันบอกโดยธสั่ง ทำกลดั่งธสอน เห็นภูธรเสด็จพัก ชาวป่าทักไต่ถาม เขาบอกนามชื่อเสียง ขุนด่านเวียงมาเลียบด่าน แล้วท่านจะคืนไป เขาก็ไร เอาคำนัล บังคัลท้าวธทุกคน ตำบลทวารไพรหั้น ถึงตำบลนั้นนั้น ท่านผ้ายบหึง ฯ
________________________________

พระลอเสี่ยงน้ำ


ริมฝั่งแม่กาหลง
พระลอเสี่ยงน้ำ

    เมื่อข้ามแม่กาหลงแล้วลงสรง พระลอบังเกิดจิตคิดถึงพระมารดาขึ้นมาอย่าง ประหลาด "บาปสิ่งใดจำให้ ลูกร้อนใจถึง"
อีกทั้งละล้าละลังหวั่นไหว จะไปต่อหรือคืนหลังดี ตัดสินใจอธิษฐานเสี่ยงน้ำดูว่า หากไปต่อจะเปนเช่นไร...
นับเปนตอนที่สะเทือนใจอย่างยิ่งในลิลิตเรื่อง "พระลอ" นี้
    ในตอนนี้ เห็นว่าควรต้องฟังเพลง "ลาวครวญ" เสียก่อน จึงจะถึงใจได้อรรถรส
เนื้อร้องเพลง "ลาวครวญ" นี้ ข้าพเจ้าแกะจากเทปตลับเดียวกันกับเพลง "ลาวสวยรวย" ที่ได้กล่าวถึงในตอนก่อนๆ ขับร้องโดย อ.สุรางค์ ดุริยะพันธ์ ซึ่งเปนผู้ที่ข้าพเจ้าเห็นว่าขับร้องเพลงไทยเดิมได้เยี่ยมอย่างยากจักหาใดเทียบทัน


     = "ลาวครวญ" =

   "โอ้พระชนนีศรีแมนสรวง จะโศกทรวงเสียวรู้สึกระลึกถึง
ไหนทุกข์ถึงบิตุรงค์ทรงรำพึง ไหนโศกซึ้งถึงตูคู่หทัย
ร้อยชู้หรือจะสู้เนื้อเมียตน เมียร้อยคนหรือสู้พระแม่ได้
พระแม่เคยอยู่เยือกเย็น ไม่เห็นใคร หรือกลับไปสู่นครก่อนจะดี
พี่เลี้ยงตรองพลางสนองพระดำรัส เห็นชอบชัดเชิญคืนบุรีศรี
เฉลิมกรุงบำรุงประชาชี ใหัเป็นที่เกษมสุขสืบไป
โอ้บพิธ ยิ่งคิดยิ่งขัดข้อน ครั้นจะจรก็ห่วงนครใหญ่
ครั้นจะคืนก็เกรงคนไยไพ ว่าท่านไท้คร้านขลาด ประดาษชาย
นายแก้วนายขวัญนายขวัญพลันเสนอ ใครจะเพ้อครหาว่าเสียหาย
หรือไปหน่อยจึ่งค่อยเอื้อนอุบาย หมดฉินยินร้ายทุกทาง
มา กูจะเสี่ยงน้ำลองดู ผิว่ากูรอดฤทธิ์ผีสาง
น้ำใสจงไหลควะควั่งคว้าง กูอับปาง น้ำเฉนียนจงเวียนวน"


________________________________


ร่าย
    o ถึงแม่น้ำกาหลง ปลงช้างชิดติดฝั่ง นั่งสำราญรี่กัน แล้วธให้ฟันไม้ทำห่วง พ่วงเปนแพสรรพเสร็จ ธก็เสด็จข้าม แม่น้ำแล้วไส้ ให้แผ้วที่ประทับ ดุจสำหรับขุนด่าน แล้วท่านเสด็จสรง สีเผ้าผงชำระ สระพระเกศเสร็จแล้ว ใจราชคิดแคล้วแคล้ว ถึงท่านไท้มารดา ท่านนา ฯ

โคลง ๒
    o คิดปรานีออกไท้รอยราชละห้อยไห้
ถึงลูกแล้ณหัวลูกเอย ฯ

โคลง ๔
    o เจ็บรักเจ็บจากช้ำเจ็บเยียว ยากนา
เจ็บใคร่คืนหล้งเหลียวสู่หย้าว
เจ็บเพราะลูกมาเดียว แดนท่าน
เจ็บเร่งเจ็บองค์ท้าวธิราชร้อนใจถึง ลูกฤๅ ฯ
    o เจ็บถึงบิตุราชแล้วถึงกู เล่านา
เจ็บอยู่คนเดียวดูละห้อย
เจ็บเยียวราชศัตรูดูหมิ่น แคลนนา
เจ็บเร่งเจ็บค้อยค้อยชอบม้วยเมือมรณ์ ฯ
    o ร้อยชู้ฤๅเท่าเนื้อเมียตน
เมียแล่พันฤๅดลแม่ได้
ทรงครรภ์คลอดเปนคนฤๅง่าย เลยนา
เลี้ยงยากนักท้าวไท้ธิราชผู้มีคุณ ฯ
    o อย่าไปพหน้าจักคืนเมือ ฤๅพี่
หาสมเด็จบุญเหลือเลิศไท้
จรทกจรเทอญเขือวานช่วย ริรา
บาปสิ่งใดจำให้ลูกร้อนใจถึง ฯ

ร่าย
    o บัดนี้จึ่งสองนาย ถวายกรกชประนม บังคมทูลบมิช้า ว่าข้าบาทสรวมชีพ เจ้าจอมทวีปโองการ พระภูบาลจักเต้า เข้ายังเมืองมิ่งคืน ข้าบาทยืนยลชอบ อย่าเยียวลอบไปเลย ควรเสวยสวัสดิ์ครองด้าว ด้วยสมเด็จน้องท้าว ท่านไท้ชนนี ท่านเทอญ ฯ

โคลง ๔
    o จักไปจักเปลี่ยวข้างทรชน
ครั้นจะคืนเยียวคนกล่าวร้าย
ว่าท้าวปิ่นสากลใจขลาด นักนา
พูลโทษทุรยศหว้ายว่าร้ายแหนงตาย ฯ

โคลง ๓
    o สองนายเกลี้ยงกล่าวทูลว่านเรศูรท่านไท้
ใครจะเอื้อมติได้เท่าเผ้าฤๅมี พระเอย ฯ




โคลง ๔
    o จักไปสักน้อยหนึ่งจึ่งคืน นาพี่
หน้าก็ยืนหลังยืนชอบได้
เกรงเยียวแต่ผีขืนจำอยู่ ไส้นา
เยียวบ่คืนเห็นไท้ธิราชผู้มีบุญ ฯ
    o มากูจะเสี่ยงน้ำนองไป ปรี่นา
น้ำชื่อกาหลงไหลเชี่ยวแท้
ผิวกูจะคลาไคลบรอด คืนนา
น้ำจุ่งเวียนวนแม้รอดไส้จงไหล ฯ
    o ครั้นวางพระโอษฐน้ำเวียนวน อยู่นา
เห็นแก่ตาแดงกลเลือดย้อม
หฤไทยรทดทนทุกข์ใหญ่ หลวงนา
ถนัดดั่งไม้ร้อยอ้อมเท่าท้าวทับทรวง ฯ
    o บให้คนรู้เรื่องฝืนใจ อยู่นา
ขึ้นจากสรงเสด็จในอาสน์ไท้
ยังสุวรรณพพลาไชยใจดั่ง นี้นา
ปิดม่านละห้อยไห้ออกท้าวบุญเหลือ ลูกเอย ฯ
    o พระตายจงลูกได้เห็นผี ท่านนา
ผีลูกตายกษัตรีย์แม่ได้
เผาศพลูกอย่ามีอุจาด ราแม่
ฤๅบ่ร้างเผาผีไท้บ่ร้างได้เผาผี ลูกเอย ฯ

โคลง ๒
    o ลูกตายก็ตายแล้วเจ็บบเห็นหน้าแก้ว
เกิดเกล้ากูมา ฯ 
    o น้ำตาไหลหลั่งไห้เปนเลือดตกอกไหม้
ออกท้าวฤๅเห็นลูกเอย ฯ
    o ลางเข็ญเห็นแห่งน้ำอกลูกเพี้ยงผกขว้ำ
ออกท้าวใจบุญลูกเอย ฯ
    o เปนขุนยศยิ่งฟ้าฤๅบาปจำหว้ายหล้า
หล่มหล้มตนเดียว ฯ 
    o จะเหลียวเหลียวบ่ได้เหยียบแผ่นดินผิดไส้
อยู่เต็มบาทาพระเอย ฯ

โคลง ๔
    o เคยเปนจอมโลกเจ้าไอศวรรย์
ร้อยเอ็ดเมืองราชคัลคั่งเฝ้า
มาตกถึงกลางอรร-ณพแต่ เดียวนา
เยียวบเห็นหน้าเจ้าลูกแล้บเห็น ลูกเลย ฯ

________________________________


สืบเสาะสอดแนมตีสนิทชาวใน

     ให้นายแก้วนายขวัญ สืบเสาะแลตีสนิทติดสินบน จนรู้ตำแหน่งแหล่งที่ถึงอุทยานพระเพื่อนพระแพง
แล้วจัดแบ่งผู้ติดตาม รอท่าจะเข้าสู่อุทยานอยู่

________________________________

ร่าย
    o ท้าวธเปนทุกข์เท่าฟ้า คิดหยั่งหน้าหยั่งหลัง ระวังองค์บพิตร ปิดบให้คนเห็น เปนทุกข์ดุจเริงรื่น แสร้งทำชื่นเผยม่าน เรียกชาวด่านริปอง สูนำสองพี่เลี้ยง เพี้ยงหฤไทยไปดู ที่ควรกูจะหยุดยั้ง ที่จะกั้งจะปิด ให้จงชิดจงชอบ ที่จะลอบจะเล็ด จงเปนเขบ็จเปนกล ที่สถลมารคจงถ่อง ท่องทางคดจงซื่อ ท่องทั้งชื่อดำบล ที่จะชุมพลช้างม้า ดูทั้งหน้าทั้งหลัง ระวังทั้งใกล้และไกล ตาไปใจส่องแล้ สองพี่พิศจงแท้ ถี่ถ้วนเขบ็จการ ฯ
โคลง ๒
    o รับสารกษัตริย์สั่งแล้วไหว้บาทบงกชแก้ว
จึ่งผ้ายลีลา ฯ 
    o มิคลาคำสั่งท้าวดูที่ทางทุกด้าว
ถี่ถ้วนใจจำ ฯ 
    o นำสองนายสู่ส้องทำเปนพี่เปนน้อง
ด้วยหมู่บ้านเทียมทาง ฯ 
    o เอาสินสกางสอดจ้างแข็งดังเหล็กเงินง้าง
อ่อนได้โดยใจ ฯ 
    o เปนผ่ายในสนิธแล้วกระแหน่นายขวัญแก้ว
กล่าวเกลี้ยงคำหวาน ฯ 
    o บอกอาการถี่ถ้อยเขาว่าอย่าแคลนน้อย
หนึ่งไว้งารตู ฯ 

ร่าย
    o ข้าก็เข้าไปดูอุทยาน หมู่พยาบาลสวนไท้ ให้สินจ้างชักชิด เงินทองปิดปากไว ใช้ใดได้ทุกประการ ข้าก็ไปดูทวารเวียงวัง ดูทั้งเรือนสองกษัตริย์ ที่ขัดข้าเห็นถ่อง ที่คล่องข้าเห็นถี่ ทุกที่ข้าเห็นถ้วน ม้วนทั้งมวลข้าใส่ใจ ห่อนให้ใครเห็นได้ ซ่อนเงื่อนงำแง่ไว้ เกียจกั้นเปนกล ฯ

ร่าย
    o แล้วไต่หนทางเสร็จ เตร็จบ้านทางชื่อซร่อง สองนายท่องทางป่า ง่าเงยไปคล้ายคล้าย จรผ้ายไปถึงหั้น ดั้นทางไปบหึง ถึงสมเด็จเจ้าตน ไหว้ทูลกลกระแหน่ เห็นที่แง่ที่มิด ทูลโดยกิจแล้วล้วน เขียนขีดขบวนถวายถ้วน ถี่ถ้อย ทุกประการ ฯ

ร่าย
    o พระภูบาลตรัสตรอง ไว้ช้างสองม้าสี่ ให้อยู่ที่นายด่าน ท่านก็เลือกคนสามสิบทัศ อาจสามารถโดยเสด็จ คนเจ็บสิบไว้เล่า อยู่ด้วยเหล่าช้างม้า เจ้าหล้ายั้งสำราญ หยุดท่าวารวันดี ฝ่ายสองศรีพี่เลี้ยง ฟังราชโองการเกลี้ยง กล่าวถ้าทูลสนอง ท่านนา ฯ

________________________________



(อ่านต่อ)