ลิลิตพระลอ: รายทางสู่สรอง
Name:
Location: Bangkok, Thailand

Friday, February 2, 2007

รายทางสู่สรอง


คืนแรกนอกวัง รำพันถึงพระมเหสี

________________________________

โคลง ๔
    o พระองค์โอภาสเพี้ยงศศิธร
เสด็จดุจเดือนเขจรแจ่มฟ้า
ดวงดาวดาษอัมพรเรียงเรียบ
ดูดุจพลเจ้าหล้ารอบล้อมเสด็จโดย ฯ
    o พระเล็งแลราษฎร์รั้วเรือกสวน เรือกนา
พิศไร่นานึกอวรอ่อนไท้
ป่านี้รูปรอยครวญถึงพี่
อกอ่อนรทวยไหม้คร่ำแค้นใครโลม ฯ
    o จักไปบใคร่แค้วเทพี พี่เอย
จักใคร่คืนคิดศรีฝ่ายหน้า
ไปดีอย่าไปดีใดดั่ง นี้นา
คิดเร่งอ้างว้างว้าห่วงหน้าคิดหลัง ฯ
    o หนหลังเสาวภาคย์ล้วนความรัก
ยาหยูกเขาขลังนักฝ่ายหน้า
จักคือพระลอลักษ์ฤๅใคร่ คืนเลย
ตัดฝ่ายคืนเจ้าหล้าแต่ตั้งจักไป ฯ

ร่าย
    o คลี่ไคลพลคล้ายคล้าย แลนา เร่งผ้ายเร่งคลาดคลา แลนา ล่วงแดนนาแดนไร่ แลนา ไต่ทางหลวงทางหลาย แลนา กรายถิ่นฐานบ้านนอก แลนา ต้นหนบอกตำบล แลนา ให้หยุดพลเอาทัพ แลนา ไพร่พรึบจับการจวน แลนา แต่งตามขบวนเขบ็จ แลนา ท้าวธเสด็จพพลาทอง แลนา เสนานองนั่งเฝ้า ลอบพิตรพระเจ้า ท่านท้าวมหิมา ฯ

ร่าย
    o พี่เลี้ยงข้าถนอมบาท ชาวมหาดเปนกำนัล เฝ้าคั่งคัลโดยกำหนด พระสุริยลดลงต่ำ จะใกล้ค่ำรเรื่อย ลมฉ่ำเฉื่อยฉุนสมร พระภูธรคำนึง ถึงพระราชเทพี ลักษณวดีเพื่อนภิรมย์ โฉมสนมหนุ่มหน้า มือลูบอกโอ้อ้า ด่วนร้างเรียมตรอม อยู่แลฯ



โคลง ๔
    o เห็นเดือนดุจดั่งหน้าเพาพงา พี่เอย
เรียมเรียกนงนุชมาพี่ถ้า
เล็งแลเหล่าเห็นตรากระต่าย เปล่านา
เดือนยแย้มแย้มหน้าใคร่กลั้นใจตาย ฯ
    o เห็นดาวเดียรดาษห้องเวหา
เหมือนหมู่สาวสนมมาใฝ่เฝ้า
พิศดูย่อมดาราเรียงรอบ ไปนา
โอ้อ่อนสาวสนมเหน้าหนุ่มร้างแรมสมร ฯ

โคลง ๒
    o นอนเดียวเปลี่ยวอ้างว้างกรกอดอกไห้ช้าง
จากชู้เมียไกลอกนา ฯ
    o พิศไพรเพยียรวดเร้าหอมกลิ่นกลกลิ่นเจ้า
พี่ฟุ้งหอมขจรบารนี ฯ
    o นกสมสมรปากป้อนถนัดดั่งเจ้าเยียวอ้อน
อ่อนให้เรียมโลม ฯ 
    o คิดถึงโฉมอ่อนอ้าถนัดดั่งจะเห็นหน้า
หนุ่มเหน้าสุดใจพี่เอย ฯ
    o ฉันใดสองพี่เลี้ยงบปากสักคำเพี้ยง
ดั่งใบ้ฤๅควรนะพี่ ฯ
    o วานช่วยสรวลแก้หน้าชาวนอกฉันนี้อ้า
พี่เอ้ยวานดูหนึ่งรา ฯ

โคลง ๔
    o เห็นบ้านบดุจบ้านเมืองเรา พี่เอย
เรือนโรงรุกรุยเขารูปร้าย
บเห็นที่จักเอาสักหยาด เลยพี่
เห็นดั่งนี้สู้หม้ายอยู่แล้ฤๅแล ฯ
    o พระเอยอาบน้ำขุ่นเอาเย็น
ปลาผอกหมกเหม็นยามอยากเคี้ยว
รุกรุยราคจำเปนปางเมื่อ แคลนนา
อดอยู่เยียวดิ้วเดี้ยวอยู่ได้ฉันใด ฯ
    o ยามไร้เด็ดดอกหญ้าแซมผม พระเอย
หอมบ่หอมทัดดมดั่งบ้า
สุกกรมรำดวนชมเชยกลิ่น พระเอย
หอมกลิ่นเรียมโอ้อ้ากลิ่นแก้วติดใจ ฯ
    o สองนายสนองนาถพ้อไปมา
พระหากเจรจาใจจอดน้อง
หัวใจหนึ่งโหยหาสองเพื่อน แพงนา
ใจหนึ่งนึกนางห้องหนุ่มหน้าพระสนม ฯ

โคลง ๒
    o พระตนกลมแก่นไท้กรกอดหมอนม่ายไหม้
สวาทว้าหัวใจ ฯ 
    o เดือนสุทธิใสส่องฟ้าลอบพิตรเจ้าหล้า
ท่านท้าวเสด็จไป ฯ 

________________________________


ชมป่า

    เปนตอนชมนกชมไม้ในป่า แสดงถึงความรอบรู้ในพรรณพฤกษาแลคณาสัตว์ ความเชี่ยวชาญอักษรศิลป์อย่างยิ่งของผู้ทรงนิพนธ์
มีการเปรียบเปรยแลเล่นคำอย่างวิจิตร สละสลวย "วัลย์โอบเอวไม้อ้า อ่อนอ้อมเอวเรียม"   "ลางลิงลิงลอดไม้ ลางลิง"

________________________________

ร่าย
    o คลี่ไคลพลผาดผ้าย แลนา คลับคล้ายถึงทุ่งนา แลนา คลับคลาถึงทุ่งหญ้า แลนา หัวหน้าเข้าพงเลา แลนา พลเทาถึงพงแฝก แลนา พงแขมแทรกคาพง แลนา ถึงป่าดงป่าแดง แลนา เห็นรแหงแหล่งไหล้ แลนา เห็นหมู่ไม้หนั่นหนา แลนา ราชาชมชื่นชี้ แลนา คือไม้หมู่นี้นี้ ชื่อโอ้นามใด แลนา ฯ



โคลง ๒
    o พลจรใจจำหมั้นทูลชื่อไม้นั้นนั้น
แด่ไท้ทุกอัน ฯ 
    o ครั้นธรู้ตระหนักแล้วลอราชชมไม้แก้ว
เหมือนดั่งแก้วกลอยใจพี่นา ฯ

โคลง ๔
    o แอ่นเคล้าเหมือนแม่เคล้าคลอคลึง พี่นา
หอมกลิ่นเรียมคิดถึงกลิ่นเจ้า
สุกกรมพยอมพึงใจพี่ พระเอย
เหมือนกลิ่นอรหนุ่มเหน้าพี่ต้องติดใจ บารนีฯ
    o นางแย้มเหมือนแม่แย้มยินดี ร่อนา
ต้องดุจมือเทพีพี่ต้อง
ช้องนางคลี่เกศีนุชคลี่ ลงฤๅ
รักดุจเรียมรักน้องร่วมรู้รักเรียม ฯ
    o ยมโดยประดุจเจ้าจงโดย
ใบโบกคือนุชโชยเรียกข้า
เรียมเห็นเกดเรียมโหยหาเกศ นุชแม่
วัลย์โอบเอวไม้อ้าอ่อนอ้อมเอวเรียม ฯ
    o เล็บมือนางนี้ดั่งเล็บนาง เรียมนา
ชมม่านนางหวังต่างม่านน้อง
ชมพูสไบบางนุชคลี่ ลงฤๅ
งามป่านี้ไม้ปล้องแปลกปล้องคอศรี ฯ

ร่าย
    o พระลอเสด็จลีลา ชมพฤกษาหลายหลาก สองปลากข้างแถวทาง ยางจับยางชมฝูง ยูงจับยูงยั่วเย้า เปล้าจับเปล้าแปลกหมู่ กระสาสู่กระสัง รังเรียงรังรังนาน ไก่คราญไต่หงอนไก่ ไผ่จับไผ่คู่คลอ ตอดตอจับไม้ตอด ตับคาลอดพงคา คล้าคลาจงจับคล้า หว้าจับหว้าลอดแล คับแคจับแคป่า ดอกบัวล่าชมบัว กระเวนวังนัวกระเวนดง ช่างทองลงจับทองยั้ว แขกเต้าตั้วเต้าแขก ไต่ไม้แมกไปมา บ่รู้กี่คณาชมผู้ ขมพิหคเหิรรู้ เรียกร้องหากัน ฯ

โคลง ๔
    o กาจับกาฝากต้นตุมกา
กาลอดกาลาการ่อนร้อง
เพกาหมู่กามาจับอยู่
กาม่ายมัดกาซร้องกิ่งก้านกาหลง ฯ
    o ตาเสือเสือผาดผ้ายหนีทาง
กวางแนบหูกวางฟานฟิดเร้น
ช้างน้าวหมู่บงทรางซอนอยู่
ช้างลอดอ้อยช้างเหล้นป่าลี้ลับดง ฯ
    o ลางลิงลิงลอดไม้ลางลิง
แลลูกลิงลงชิงลูกไม้
ลิงลมไล่ลมติงลิงโลด หนีนา
แลลูกลิงลางไหล้ลอดเลี้ยวลางลิง ฯ

ร่าย
    o หวดเหียงหาดแหนหัน จันทน์จวงจันทน์แจงจิก ปริงปรงปริกปรูปราง คุยแคคางค้อเค็ด หมู่ไม้เพล็ดไม้พลอง หมู่ไม้ฟองไม้ไฟ ไม้ไผ่ไพไม้โพ ไม้ตะโกตะกู ไม้ลำภูลำแพง หมู่ไม้แดงไม้ดัน ไม้สมพันสารภี ไม้นนทรีทรบูน คูนกำกูนกำยาน ไม้พิมานขล้อขลาย ไม้กำจายกจับบก ไม้กทกรกสักสน คณนามีหมู่ไม้ กล่าวแต่พอจำได้ กว่านั้นยังเหลือ แลนา ฯ

โคลง ๒
    o ไม้เครือไม้กุ่มก้อมค้อมเกี้ยวกลลำย้อม
ยอดม้วนใบงามบารนี ฯ
    o ดอกดวงซามช่อช้อยหอมตลบอบสร้อย
เร่งน้อยใจถึงแม่ฮา ฯ
    o คำนึงหลังห่วงหน้าใจพี่เพี้ยงเปนบ้า
เพื่อร้างแรมสมรมาแล ฯ

________________________________


เข้าด่านเมืองสรอง

    ถึงเขตแดนเมืองสรองให้ทัพหลวงกลับ คงเหลือผู้ติดตามสัก ๑๐๐ แลพี่เลี้ยงทั้ง สอง
    ปลอมตัวเปนขุ่นด่านเมืองสรองมาตรวจด่าน เข้าสู่สรองโดยราบรื่น
 

________________________________

ร่าย
    o พระพเนจรหล่ำ ได้หลายค่ำหลายวัน ถึงแดนอันจนิยต กำหนดพระราชสีมา ตั้งพพลาทัพหลวง ทั้งปักปวงป่าดาดาษ งามถึงขนาดควรชม ถ้วนทุกกรมมนตรี เฝ้าภูมีเดียรดาษ พระลอราชเจ้าช้าง จึ่งเอื้อนโองการอ้าง ดั่งนี้เสนา ฯ



โคลง ๒
    o จักลีลาไปช้าสูทั้งหลายนี้อ้า
กลับบ้านสำราญก่อนเทอญ ฯ

โคลง ๔
    o มานานจรหล่ำแล้ถึงแดน
ควรส่งพลแสนคืนสู่หย้าว
ทุกคนเอนดูแคลนครวญลูก เมียนา
กูคนึงถึงท้าวเพื่อนไท้แพงทอง ฯ
    o มนตรีต่างเนตรไหว้บทมาลย์
จบบาทธุลีธารใส่เกล้า
ขอพระจงอยู่บานใจก่อน พระเฮย
สามสี่วันพระเจ้าจึ่งให้พลเมือ ฯ
    o นานนักกว่าชิ่นแล้มนตรี
ไปพรุกควรพอดีอย่าช้า
ครั้นนานราชธานีเราเปลี่ยว อยู่นา
เยียวออกท้าวเจ้าถ้าข่าวถ้าฟังสาร ฯ
    o ซร้องนิ้วนบบาทไท้บุญขจร
ไหว้อยู่สลอนต่างดอกไม้
เสมอสัตวภูธรชุบปลูก ไส้พ่อ
ทุกสิ่งเหนือหน่อไท้ก่อเกื้อทุกอัน ฯ
    o ขอโดยเสด็จราชไท้ทรงธรรม์
คืนขอบเสวยไอศวรรย์ผ่านหล้า
ผิไปแลถึงกรรม์ดีกว่า คืนพ่อ
ยากสิ่งใดไส้ข้าคิดได้อาสา ฯ
    o ไปหน้าคิดใคร่ไส้คืนหลัง
เกรงแผ่นดินเกรงทังออกท้าว
สูเคยเมื่อกูยังครองแผ่น ดินนา
ครองแผ่นดินทุกด้าวอย่าให้ใครแคลน ฯ
    o ฝากเมืองช้างม้าไพร่พลหลวง
ฝากนอกในทั้งปวงแหล่งหล้า
อย่าลืมหมั่นไตรตวงผิดชอบ ดูนา
ฝากออกท้าวเจ้าฟ้าผากแก้วกลอยสมร ฯ
    o สั่งมนตรีถี่ถ้วนทุกกรม
รับราชโองการสมใส่เกล้า
น้ำตาถั่งอารมณ์รักราช แลนา
ขอบพิตรพระเจ้าอย่าช้าเสด็จมา ฯ
    o สูถึงพระบาทไท้ชนนี ท่านนา
ทูลว่าจอมกษัตรีย์ลูกไท้
เสวยสวัสดิ์สำราญมีสุขอยู่ ไส้นา
โอนมกุฎเกล้าไหว้พระบาทเจ้ากูมา ฯ
    o แล้วสูไปไหว้แจ่มจอมกษัตริย์ พี่เอย
ทูลว่ากูเสวยสวัสดิ์ห่อนไข้
จักพลันสู่สมรัตน์ชาเยศ ไส้นา
อย่าลห้อยไห้ให้อยู่ถ้ารับเรียม ฯ

ร่าย
     o ธก็ให้เตรียมแต่ง แบ่งปันคนผู้สนิท อันเชื้อชิดภูบาล ประมาณร้อยหนึ่งไว้ โดยเสด็จไท้ธิบดี ธก็สั่งมนตรี แลไพร่ฟ้า ช้างม้าคลี่คืนเมื้อ โองการเชื้อสองพี่ คิดที่เราจะไป ก็ให้ผูกกระไดข่าวคอย ผู้รู้รอยชาวด่าน หว่านความรักชักชิด ครั้นเข้าสนิทไมตรี จึ่งบอก คดีโดยปอง ให้เงินทองผ้าเสื้อ เผื่อใจจักเข้ามา จงเจรจาให้ชอบใจ เปนภายในชักชิด ว่าบพิตรธประสาท ให้พระราชทานรางวัล เงินทองครันอิ่มอก อย่าปิดปกกังวล บอกยุบลให้เห็น ตัวธเปนขุนด่าน พี่เลี้ยงท่านเปนหมื่นแขวง นายแวงเปนหัวพัน ชาวกำนัลเปนไพร่ ไขว่ชื่อถ้วนทุกคน เรียกกันกลชาวด่าน บล่านทางเลียบคอย ไขรอยปิดเงื่อนงำ ความขำบให้แพร่ง จงแต่งแง่ให้เปนกล พบผู้คนทักทาย กรายถิ่นฐานบ้านป่า เขาถามว่าจงถนัด บอกจงชัด ชื่อเสียง มาแต่เวียงเลียบด่าน แล้วท่านจะคืนเมือง ยังจะเคืองฤๅจะคล่อง บอกจงถ่องจงแท้ โดยยุบลนี้แล้ อย่าได้อำอวม ฯ

โคลง ๒
    o บุญพระสรวมตูข้าพระแต่งกลบเกลื่อนหน้า
ชอบแท้ทุกอัน ฯ 
    o พระจะพลันไปไส้ไว้แต่สองนายให้
ท่านท้าวเสด็จไป ฯ 
    o ถึงทวารไพรฝ่ายนั้นดูดุจชวนกันดั้น
ป่าด้นดงหา ฯ 
    o ตูไหว้ลาพระณเกล้าไว้แต่สองนายเฝ้า
พระบาทแล้วเขาไป ฯ 

ร่าย
    o เมื่อนั้นท้าวไคลคลา ล่วงแดนนาแดนราษฎร์ สองนายนาถนำทาง ธวางเพศท้าวผู้มีบุญ ทำทรงขุนด่านแล้ว ทรง เสื้อผ้าหมวกแก้ว บให้เห็นองค์ ท่านนา ฯ

โคลง ๒
    o เสด็จโดยด่านดงกว้างยลรอยคนรอยช้าง
กษัตริย์ด้วยเปนสาม ฯ 

ร่าย
    o ตามสองนายนำนาถ ท้าวธลีลาสคลาไคล เสด็จไปโดยอันดับ เอาทับทุกดำบล ดลทวารไพรที่อยู่ ชาวด่านหมู่สำคัญ ชวนกันบอกโดยธสั่ง ทำกลดั่งธสอน เห็นภูธรเสด็จพัก ชาวป่าทักไต่ถาม เขาบอกนามชื่อเสียง ขุนด่านเวียงมาเลียบด่าน แล้วท่านจะคืนไป เขาก็ไร เอาคำนัล บังคัลท้าวธทุกคน ตำบลทวารไพรหั้น ถึงตำบลนั้นนั้น ท่านผ้ายบหึง ฯ
________________________________

0 Comments:

Post a Comment

Subscribe to Post Comments [Atom]

<< Home