ลิลิตพระลอ: Jan 30, 2007

ลิลิตพระลอ

Name:
Location: Bangkok, Thailand

Tuesday, January 30, 2007

จบเรื่องพระลอ



พระเพื่อน พระแพงพรั่นกระดาก
พระลอ พระเพื่อน พระแพง พบพักตร์
โฉมงามสามแผ่นแพ้

     พระเพื่อน พระแพงกระดากอายด้วยมิเคยสู่ชาย ให้นางรื่นนางโรยสอน.. ก็แลเรื่องเช่นนี้ที่ไหนจะสอนกันได้ ต่อเวลามาถึง ทีจะเปนย่อมเปนเอง... " น่อยหนึ่งพระจักได้      เล่ห์นั้นเปนเอง "
ตอนนี้ได้แยกสีคำขานไว้ให้เห็นโดยเด่นชัด
     ชมโฉมพิลาศล้ำของสามองค์ ผ่านถ้อยพระพี่เลี้ยง
     พี่เลี้ยงเชิญสามราชสู่ไสยา แล้วสู้ทนข่มไฟราคะตน เสงี่ยมเฝ้าแต่ภายนอก..
" รัญจวนสมรหมื่นกลั้น     เพราะเพื่อภักดีหมั้น     จึ่งกลั้นใจคง "
____________________________

โคลง ๒
    o มินานสองพี่เลี้ยงไหว้บาทบงกชเกลี้ยง
เชิญอ่อนท้าวเสด็จใน ฯ 
    o สองอ่อนใจแจ่มฟ้าฟังพี่เลี้ยงเชิญช้า
ซ่อนช้าอายใจ ฯ 

โคลง ๔
    o พี่เอยแต่น้อยเกิดตนมา
ยังไป่เคยเดียงสาสักน้อย
จักไปดั่งฤๅนาวานช่วย ริรา
อายเร่งอายค้อยค้อยหนึ่งไส้เผือกลัว ฯ
    o ณหัวเจ้าข้าใช่เด็กเลย
แม้บ่เคยจำเคยจึ่งได้
พระทองแก่เรียมเอยอย่าเหนี่ยว ราแม่
ฤๅบ่เอนดูไท้ ธิราชแล้ณหัว พี่เอย ฯ
    o พระลอแฝงม่านเข้ามาฟัง
ฟังอำเภอสองยังหนุ่มแท้
พระเสด็จนั่งแนบหลังสองอยู่ ไส้นา
สองไป่รู้ยังแก้พี่เลี้ยงไปมา ฯ
    o พี่เอยรักท้าวยิ่งหัวใจ นาพี่
เจ็บบ่เคยฉันใดดั่งนี้
เผือคิดเร่งเดียงในใจยาก จริงนา
วานพี่ทั้งสองชี้เล่ห์ให้เผือเห็น ฯ
    o สองฟังสองค่อยยิ้มผินสรวล
ใครห่อนสอนพระอวรอ่อนได้
วันสองแรกรักครวญถึงราช นั้นนา
ใครสั่งสอนสองให้ละห้อยโหยหา ฯ
    o มิสอนก็อย่าร้ามาหยัน อีกรา
มิเอนดูอกกันดั่งนี้
เห็นเดือนตวันวันคืนก่อน เผือนา
ถามว่าบรู้ผี้ว่ารู้ฤๅถาม ฯ
    o พระเอยจะบอกได้ฉันใด
พระจักเคียงถนัดในที่ไท้
มินานอย่าอาไลยเลยราช
น่อยหนึ่งพระจักได้เล่ห์นั้นเปนเอง ฯ
    o พระลออดบได้ขิกหัว
สองนาฎตกใจกลัวสดุ้ง
พระพักตรดุจดวงบัวบานร่อ กันนา
เผยม่านแพรพรรณวุ้งออกให้เห็นองค์ ฯ
    o สองเห็นโฉมเจ้าแผ่นภูวดล
งามเงื่อนทินกรกลแว่นฟ้า
ลืมอายอ่อนลืมตนตาต่อ พระนา
พิศบ่พรับโอ้อ้าเทพไส้ยาไฉน ฯ
    o ดำรงใจได้อ่อนอายซบ อยู่นา
สองบังคัลเคารพกราบไหว้
โฉมสองชื่นตาสบใจราช แลนา
พิศพี่พิศน้องไท้ท่านท้าวลืมตน ฯ
    o บัวทองเด็ดแต่น้ำเอามา แลนา
แลว่าดวงดาราหยาดฟ้า
ฤๅจันทรจากเวหาหาพี่ พระเอย
เรียมเร่งคิดหน้าหน้าหนุ่มหน้าติดใจ ฯ
    o สองนาฎพิศราชรื้อวางตา
จอมราชพิศพักตราอ่อนไท้
บวางเนตรเลยนาบานร่อ สองรา
สองนาฎไหว้แล้วไหว้เล่าไหว้บทมาลย์ ฯ
    o นางโรยนางรื่นไหว้พิศภู เบศร์เฮย
พิศอ่อนสองศรีตรูเตรียบเฝ้า
แลนางก็ลืมดูจอมราช
แลราชลืมดูเจ้าพี่น้องทั้งสอง ฯ
    o พิศไท้ไท้ว่าไท้ทินกร
พิศอ่อนคือศศิธรแจ่มฟ้า
พิศดูอิ่มอกอรใดดั่ง นี้นา
เดือนยแย้มแย้มหน้าออกรื้อฉันใด ฯ
    o เพื่อนโรยวานช่วยตั้งตาดู หนึ่งรา
เราว่าพระเราตรูยิ่งผู้
โฉมพระพี่มาชูงามเร่ง งามนา
ทุกเทพอันรอบรู้แต่งท้าวทั้งสาม ฯ
    o พิศดูสิไป่ได้วางตา
สามแผ่นภพฤๅหาดุจได้
บุญเราบ่านี้นานางรื่น กูเอย
เราจึงเห็นสามไท้ธิราชผู้มีบุญ ฯ
    o สองนายเจ้าน้องอยู่ไหนมา ดูรา
มาช่วยพิศพักตราอยู่เกล้า
สุดใจบ่านี้นาเฉลิมโลกย์ แลเฮย
สามบพิตรพระเจ้าพี่น้องงามสม ฯ

ร่าย
    o สองนางชมบมิวาย ส่วนสองนายผู้เชี่ยวชาญ ค่อยก้มกรานเข้าไป นั่งแต่ไกลกราบบาท ไท้ธิราชสามกษัตริย์ ชรดัดนิ้วประนม บังคมเคารพราช ชมโฉมนาฎทั้งสาม งามติดตาติดใจ ในแผ่นดินใต้ฟ้า เห็นแต่พระเจ้าหล้า พี่น้องทั้งสาม บารนี ฯ

โคลง ๔
    o งามยงงามยิ่งแม้แมนมา แต่งฤๅ
โฉมระทวยทอตาแหล่งหล้า
สมนักบ่านี้นาสรบ่า นี้นา
สดกว่าสดโอ่อ้าอ่าโอ้เอาใจ ฯ
    o พี่เลี้ยงทั้งสี่ไหว้สามกษัตริย์
เชิญบาทบงกชรัตน์อยู่เกล้า
เสด็จยังผธมสวัสดิ์ไสยาสน์ พระเอย
เยียวเหนื่อยพระองค์เจ้าพี่น้องทั้งสาม ฯ
    o พระลอลีลาศฟ้าดินไหว
สองนาฎโดยเสด็จไตรแผ่นพื้น
สามกษัตริย์ทอดกรไกวเงยง่า งามนา
โฉมดุจเดือนดาวขึ้นส่องฟ้าดินบน ฯ
    o นางโรยนางรื่นร้างบทรัช
เช็ดบาททั้งสามกษัตริย์ใส่เกล้า
เชิญเสด็จภิรมย์สวัสดิ์ไสเยศ
สองอ่อนอเคื้อเฝ้าอยู่เพี้ยงสาวสวรรค์ ฯ
    o พี่เลี้ยงปิดม่านแล้วรับขวัญ ท่านนา
ขวัญอ่อนอย่าไกลกันกับไท้
ขวัญสองแม่คือวัลย์เวียนรอบ พระนา
ขวัญราชคงคือไม้มาศเกี้ยววัลย์กรอง ฯ
    o สองนางลาราชไหว้บทมาลย์
ถึงนอกสองหับทวารท่านไว้
หับแล้วบ่ทันนานยังพี่ นายนา
นั่งแต่ไกลกามไหม้สวาทเพี้ยงไฟฟอน ฯ

โคลง ๒
    o รัญจวนสมรหมื่นกลั้นเพราะเพื่อภักดีหมั้น
จึ่งกลั้นใจคง ฯ 
    o รู้อายองค์ยากแท้ผิบ่รู้อายแล้
ง่ายพ้นประมาณ ฯ 
    o เรือนสำราญอยู่เหล้นเร่งว่าร้ายแรงเต้น
โลดร้ายฤๅอาย ฯ 
    o ทั้งหลายชี้กำด้นทำบรู้รุกร้น
ฝ่ายร้ายฤๅแคลง ฯ 

โคลง ๔
    o แรงรักแรงราคร้อนรนสมร
ยงยิ่งเปลวไฟฟอนหมื่นไหม้
มนเทียรปิ่นภูธรเปนที่ ยำนา
ขืนข่มใจไว้ได้เพื่อตั้งภักดี ฯ
    o เรานี้เราเผ่าผู้ภักดี
ผิดเท่าธุลีกลัวเกลียดใกล้
ผิผิดกึ่งเกศีแหนงว่า ตายนา
ดีกว่าเปนคนให้ท่านชี้หลังตน ฯ

____________________________


บทอัศจรรย์
ครรลองกาม สามเสพสามสมพาส
              o ดุจสารเมามันบ้างาไล่แทงงวงคว้า
         อยู่เคล้าคลุกเอา ฯ 
____________________________



โคลง ๒
    o สี่คนคิดชอบถ้อยสอนสั่งกันค้อยค้อย
สว่างร้อนไฟกาม ฯ 
    o ส่วนสามกษัตริย์แก่นท้าวกรโอบองค์โน้มน้าว
แนบเนื้อเรียงรมย์ ฯ 
    o เชยชมชู้ปากป้อนแสนอมฤตรสข้อน
สวาทเคล้าคลึงสมร ฯ 
    o กรูเกี้ยวกรกอดเกื้อเนื้อแนบเนื้อโอ่เนื้อ
อ่อนเนื้อเอาใจ ฯ 
    o พักตราใสใหม่หม้าหน้าแนบหน้าโอ่หน้า
หนุ่มหน้าสรสม ฯ 
    o นมแนบนมนิ่มน้องท้องแนบท้องโอ่ท้อง
อ่อนท้องทรวงสมร ฯ 
    o สมเสน่หอรใหม่หมั้วกลั้วรสกลั้วกลิ่นกลั้ว
เกลสกลั้วสงสาร ฯ 
    o บุษบาบานคลี่คล้อยสร้อยแลสร้อยซ้อนสร้อย
เสียดสร้อยสระศรี ฯ 
    o ภุมรีคลึงคู่เคล้ากลางกมลยรรเย้า
ยั่วร้องขานกัน ฯ 
    o สรงสระสวรรค์ไป่เพี้ยงสระพระนุชเนื้อเกลี้ยง
อาบโอ้เอาใจ ฯ 
    o แสนสนุกในสระน้องปลาชื่นชมเต้นต้อง
ดอกไม้บัวบาน ฯ 
    o ตระการฝั่งสระแก้วหมดเผ้าผงผ่องแผ้ว
โคกฟ้าฤๅปูน ฯ 
    o บุญมีมาจึงได้ชมเต้าทองน้องไท้
พี่เอ้ยวานชมหนึ่งรา ฯ
    o พระเพื่อนสมสมรแล้วลอราชเชยชมแก้ว
แก่นไท้แพงทองเล่านา ฯ
    o ละบองบรรพหลากเหล้นบเหนื่อยบได้เว้น
เหิ่มชู้สมสมร ฯ 
    o ดุจอัสดรหื่นห้าแรงเร่งเริงฤทธิ์กล้า
เร่งเร้งฤๅเยาว์ ฯ 
    o ดุจสารเมามันบ้างาไล่แทงงวงคว้า
อยู่เคล้าคลุกเอา ฯ 
    o ประเล้าโลมอ่อนไท้แก้วพี่เอยเรียมได้
ยากด้วยเยาวมาลย์ ฯ 
    o เอนดูวานอย่าพร้องเชิญพระนุชนิ่มน้อง
อดพี่ไว้เอาบุญก่อนเทิญ ฯ

โคลง ๔
    o พระคุณพระพี่พ้นคณนา
พระเอนดูนุชราท่านไท้
เผือข้าไป่เดียงสาสักหยาด พระเอย
พระค่อยถนอมน้องไว้เพื่อนท้าวใจบุญ ฯ
    o บเปนใดเจ้าพี่อย่าแคลน
รักแม่สุดดินแดนกว่าฟ้า
เรียมสงวนพระนุชแสนสงวนยิ่ง ตัวนา
ยามหนึ่งบเห็นหน้าอ่อนท้าวเรียมตาย ฯ
    o บมลายสมรเร่งเร้งฤทธิรงค์
สองอ่อนระทวยองค์ละห้อย
ความรักดุจทิพยสรงโสรจชื่น
บัดชื่นบัดเศร้าสร้อยสร่างสร้อยสรดใส ฯ
    o สะเทือนฟ้าฟื้นลั่นสรวงสวรรค์
พื้นแผ่นดินแดยรรหย่อนไส้
สาครคลื่นอึงอรร-ณพเฟื่อง ฟองนา
แลทั่วทิศไม้ไหล้โยกเยื้องอัศจรรย์ ฯ
    o ขุนสีห์คลึงคู่เคล้าสาวสีห์
สารแนบนางคชลีลาสเหล้น
ทรายทองย่องยงกรี-ฑาชื่น ชมนา
กะต่ายกะแตเต้นตอบเต้าสมสมร ฯ
    o ทินกรกรก่ายเกี้ยวเมียงบัว
บัวบ่บานหุบกลัวภู่ย้ำ
ภุมรีภมรมัวเมาซราบ บัวนา
ซอนนอกในกลีบกล้ำกลิ่นกลัวเกสร ฯ
    o บคลาไคลน้อยหนึ่งฤๅหยุด อยู่นา
ยังใคร่ปองประติยุทธ์ไป่ม้วย
ปรานีดอกบัวบุษป์บชื่น ชมนา
หุบอยู่บบานด้วยดอกสร้อยสัตบรรณ ฯ

____________________________


อาลัยลา พระเพื่อนพระแพงกลับวัง
____________________________
     คล้อยค่ำอาวรณ์ร่ำลา ต่างพรรณาถึงความยากลำบากมากหลายกว่าจะได้มาสู่ มาสมเสพ
____________________________

โคลง ๒
    o ตวันเจียนจิ่มฟ้าสองพี่เลี้ยงทูลอ้า
จะค่ำแล้วพระเอย ฯ 
    o พระทองเผยม่านแล้วเรียกพระพี่เลี้ยงแก้ว
ทั้งสี่เข้าไปใน ฯ 
    o ริสุดใจจึ่งลี้ซ่อนเงื่อนกลนี่นี้
อย่าให้เห็นกล ฯ 
    o ไหว้บัดดลท่านไท้รับราชเสาวนีไว้
กึ่งเกล้าทูลทรง ฯ 
    o เชิญพระสรงสว่างร้อนเสด็จอ่างทองเดียวซ้อน
อาบด้วยสองศรี ฯ 
    o บุษบาบีเสียดสร้อยจรดฤดีเหล้นน้อย
หนึ่งได้แรงองค์ ฯ 
    o จากสรงเสด็จแท่นแก้วแต่งแง่งามเสร็จแล้ว
แนบเนื้ออิงอร ฯ 
    o พี่เลี้ยงกรลูบเกล้ายกเครื่องเสวยเทียบเข้า
แต่งตั้งเตรียมถวาย ฯ 
    o สองสายสมรอ่อนไหว้เตือนบพิตรเชิญไท้
ธิราชเจ้ากูเสวย ฯ 
    o ชูคางเชยหน้าสร้วยเชิญอ่อนท้าวเสวยด้วย
พี่ร้าทั้งสอง ฯ 
    o ของเสวยสวรรค์ไป่เพี้ยงเพราะพระนุชเนื้อเกลี้ยง
แนบเนื้อเรียมเสวย ฯ 
    o ทรามรักเอยปากป้อนรสยิ่งรสฟ้าข้อน
สวาทข้อนสงสาร ฯ 
    o เสวยสำราญเสร็จแล้วสองพระพี่เลี้ยงแก้ว
นบท้าวทูลเตือน ฯ 
    o ตวันจะเลื่อนลับฟ้าจอมราชเจ้าอย่าช้า
อ่อนเอ้ยยามควร ฯ 



โคลง ๔
    o พระอวรบใคร่แคล้วคลาเรียม
เรียมราชพิศสองเสงี่ยมละห้อย
สามกษัตริย์เดือดแดเกรียมกรมสวาท แลนา
หน้าแนบหน้าค้อยค้อยคล่าวน้ำตาไหล ฯ
    o เอนดูสองอ่อนท้าวทรามรัก ท่านนา
ก้มกราบลงกับตักท่านไท้
น้ำตาโสรจสรงพักตร์แถวดั่ง ลงนา
ไห้บ่รู้กี่ไห้สอื้นอาดูร ฯ
    o อ้าพระปิ่นเกล้าแผ่นธรณินทร์
แต่แรกเรียมฟังยินข่าวไท้
จักกินบ่เปนกินครวญใคร่ พระนา
นอนบ่เปนนอนไข้สวาทถ้าฟังสาร ฯ
    o บุญบลทุกเทพย์เจ้าจอมผา
ทั้งเทพย์พฤกษาสิงหมู่ไม้
ขอพระช่วยราชาเชิญสู่ สมนา
ลุลาภแล้วจักไหว้ปู่เจ้าทุกสถาน ฯ
    o เงินทองกองโกฏิแก้วทูลถวาย
สารสอดงาทองควายเผือกผู้
บุญบลร่นร้องขวายขวนรอด มานา
แม้บ่สมท้าวชู้อย่าแล้มีผัว ฯ
    o จึ่งพระเสด็จเต้าแขกทำขวัญ
รักไป่ทันถึงวันด่วนร้าง
ดังฤๅจะจากฉันใดดั่ง นี้นา
กรกอดองค์เจ้าช้างร่ำไห้หิวโหย ฯ
    o ระทดด้วยนุชน้องระทวยองค์ ท่านนา
ซรอนพระพักตร์ซบลงสอื้น
เหนือหลังสมบูรณ์บง-กชมาศ กูเอย
มิใคร่เงยหน้าขึ้นจากเจ้าจอมสมร ฯ
    o เรียมสุขเสวยสุขเพี้ยงอมรินทร์ อ่อนเอย
ครั้นแรกเรียมฟังยินข่าวน้อง
บินลุพี่จักบินมาสู่ นุชนา
มาบ่ได้ข่ายข้องสวาทเพี้ยงเขาขัง ฯ
    o เมืองกว้างช้างม้าสู้ละเสีย อ่อนเอย
เสียแม่เสียเมียมาสู่น้อง
เสียสนมดุจดวงพเยียงามแง่ งามนา
มาแต่ตัวเข้าข้องข่ายท้าวทั้งสอง ฯ
    o พี่พบน้องเพี้ยงแต่ยามเดียว
คือเชือกผสมสามเกลียวแฝดฝั้น
ดังฤๅจะพลันเหลียวคืนจาก เรียมนา
เจ้าจากเรียมจักกลั้นสวาทกลั้นใจตาย ฯ
    o มิรักแลจึ่งเจ้าจำไป จากนา
แม้ว่ารักฤๅไคลคลาศได้
เอโกเด็ดเดี่ยวไกลมาแต่ ตัวนา
เจ้าจะละเรียมไว้ก่ำพร้าคนเดียว ฯ
    o ฟังคำจอมราชร้อนฤๅวาย
มาจะตีตนตายจุ่งแล้ว
พระไฉนว่าราญสายใจจาก พระนา
ฤๅใคร่ไกลพระแก้วกึ่งเส้นเกศา ฯ
    o สองกษัตริย์สนองนาถถ้อยไปมา
สูริยเรื่อยเรียงเวหาคลาศคล้อย
เขาเตือนราชชายาจักค่ำ พระเอย
ครั้นค่ำไส้ต้องถ้อยใหญ่แล้เปนความ ฯ

โคลง ๒
    o ไหว้สามกษัตริย์ใช่ช้าจากแต่บัดเดี๋ยวอ้า
ค่ำไส้คืนสมเล่านา ฯ
    o พระตนกลมปิ่นเกล้าช่วยว่าให้น้องเหน้า
ท่านท้าวเสด็จไปหนึ่งรา ฯ
    o โอ้อาไลยค่อยพร้องเชิญพระนุชนิ่มน้อง
อ่อนผ้ายลีลาก่อนเทอญ ฯ
    o สองธิดากราบไหว้ชูพระพักตร์น้องไท้
จูบท้าวทั้งสองสั่งนา ฯ
    o พักตราหมองสวาทไหม้ไหว้บาทละห้อยไห้
ค่อยผ้ายลีลา ฯ 
    o เหลียวหลังมาคะค้อยน่าเอนดูน้องน้อย
สั่งท้าวสนองสาร ฯ 
    o อย่านานนักอยู่เกล้าเชิญบพิตรพระเจ้า
เร่งผ้ายหาเผือ ฯ 
    o เรียมเจ็บเหลือที่พร้องจักใคร่ไปด้วยน้อง
จากน้องเสมอตาย ฯ 

____________________________



พระลอแลพี่เลี้ยงลอบเข้าวัง
ได้กึ่งเดือน ความรั่วรู้ถึงท้าวพิไชยพิษณุกร

     พระลอลอบเข้าวัง
เสพสุขอยู่ได้ครึ่งเดือน ความล่วงรู้ถึงท้าวพิไชยพิษณุกร จึงมาลอบมาดู หนที่แรกให้นึกแค้นนัก แต่พลันคิดขึ้นมาได้ว่าควรรับไว้เปนเขย

____________________________

ร่าย
    o พี่เลี้ยงถวายบังคม ประนมเชิญสองเสร็จ เสด็จถึงเกยทั้งสอง คานหามทองรับราช หมู่นางดาษบริพาร พี่รื่นชาญเชิงแก้ ซ่อนแง่งำเงื่อนมิด ปิดประตูไว้เสร็จ โดยเสด็จถึงทวารใหญ่ ใส่กลว่าลืมเครื่อง เบื้องในรัตนไสยา แม่โรยมาจะไปดู จงเปิดประตูไว้ท่า ไปบช้าบหึง ถึงเรือนรมย์พิมาน ไขทวารออกไส้ ให้นางโรยอยู่เฝ้า นางรื่นเข้ารับราช สองนายนาดมาตาม ยามค่ำคลุ้มบเห็นหน้า ลอบพิตรเจ้าหล้า กับพี่เลี้ยงปลอมไป ฯ

โคลง ๓
    o ถึงทวารในเรือนหลวงคล้ายถึงคลวงสองท้าว
เชิญราชเสด็จขึ้นหย้าวอยู่เร้นเรือนโรย ฯ

โคลง ๒
    o สองนางโดยเสด็จไท้สองซ่อนสองนายไว้
บให้เห็นตัว ฯ 
    o ราตรีมัวมืดฟ้าเชิญบพิตรเจ้าหล้า
ลอบขึ้นสมศรี ฯ 
    o ภัควะดีดวงดอกไม้เสด็จออกมารับไท้
ธิราชเข้าไปใน ฯ 
    o เยียใดพระอยู่ช้าพระจะละให้ข้า
พี่น้องตรอมตาย ฯ 
    o ถวายกรจูงเจ้าหล้าขึ้นบนแท่นทิพย์อ้า
อ่อนได้แรงรมย์ ฯ 
    o พระตนกลมเสด็จแล้วเหนือฟูกผ้าเขนยแก้ว
พระพี่น้องผจงถวาย ฯ 
    o ม่านแพรพรายเลิศล้นหูนากหูทองพ้น
พิศพื้นลายทอง ฯ 
    o ดอกไม้กรองเรียบร้อยหอมตระหลบอบห้อย
แห่งห้องไสยา ฯ 
    o พิดานดาดาษแก้วเฉลามาศฉลับแพร้วแพร้ว
เพริศกั้งกษัตรีย์ ฯ 

โคลง ๔
    o ผ้าต้นตีค่าล้วนทองถวาย
ถวายกระแจะจรุงลายลูบไล้
สลาพานมกรรายรัตนแต่ง ถวายนา
พระกระยาเสวยไท้อ่อนท้าวผจงถวาย ฯ
    o เสวยแล้วสามท่านไท้เสวยรมย์
หับประตูทองผทมท่านไว้
สองนางพี่ไปสมสองพี่ นายนา
สรวลสนุกไล้ไล้คู่เคล้าคลึงสมร ฯ
    o สองท้าวซอนซ่อนไท้เปนกล
รู้แต่นางสองคนพี่เลี้ยง
ประมาณกึ่งเดือนดลจรหล่ำ แลนา
สรวลสนุกเล่นเพี้ยงบรู้โรยแรง ฯ

ร่าย
    o ลางคาบแสดงดุจไข้ ลางคาบไท้ธสำราญ ลางคาบบานใจเหล้น ลางคาบเร้นส้อนองค์ ซุบซิบทรงเงื่อนแง่ แต่พี่เลี้ยงเข้าใน ใครใครบให้เข้า ฝูงชาวเจ้าพระกำนัล สกิดกันลอบเจรจา บัดนี้น่าหลากแท้ สองอยู่เกล้าเราแล้ กับพี่เลี้ยงเปนกล ฯ

โคลง ๒
    o ควันความจนรั่วรู้ดอกบนำพารู้
หนึ่งให้แลดู ฯ 

โคลง ๓
    o ดอกขายหูขายตาคล้ายถึงคลวงสองท้าว
ขจรข่าวถึงท้าวผู้พ่อไท้ทั้งสอง ฯ

โคลง ๒
    o ลอบมามองลูกไท้เคียดคู่ไฟฟ้าไหม้
แฝกฟุ้งไฟเข็ญ ฯ 
    o ลอบแลเห็นเจ้าหล้าลอราชงามโอ่อ้า
อาจให้หายฟุน ฯ 
    o รอยบุญเขาส่งให้ไกลกว่าไกลเปนใกล้
ยิ่งใกล้อัศจรรย์ ฯ 
    o ลักชมขวัญคะค้อยลอราชนี้เท่าร้อย
อยู่เงื้อมบทจร ฯ 
    o ได้ภูธรดุจได้ฟ้าแลดินมาไว้
อยู่เงื้อมมือเรา ฯ 
    o เอาเปนเขยแขกแก้วยศโยคฤๅรู้แล้ว
เลิศพ้นประมาณ ฯ 

____________________________



พระย่าไม่ยอมให้ล้อมจับมาฆ่าเสีย

     ท้าวพิไชยพิษณุกรต้องใจพระลอ ตกลงรับพระลอเปนเขย
     แต่พระย่าไม่ยอม แอบอ้างราชโองการสั่งทหารให้ไปจับพระลอมาฆ่าเสียจงได้
     พระลอไม่ยอมให้จับ พระเพื่อนพระแพงแลนางรื่นนางโรยสู้อยู่เคียงข้าง

____________________________
ร่าย
    o ภูบาลแสร้งแสดงองค์ สองไหว้บงกชบาท พระลอราชค่อยถาม สองบอกนามปิตุราช พระบาทไท้เลืองลอ ธก็ยอกรกชประนม ถวายบังคมชมชื่น ยื่นความชอบนอบทูล ว่านเรสูรเจ้าหล้า ข้าร้างราชสมบัติ สลัดเสียเสร็จสล้าย หว้ายแต่ตัวมาหา พระปิตุราธิราช ข้าขอฝากอาตม์ประยูร เปนตระกูลเดียวด้วยไท้ ไว้เปนเอกวงศา เท่ากัลปาวสาน ภูบาลครั้นได้ยิน บานอรพินทุ์หฤทัย ประไพพักตรพิลาศ ยิ่งกว่าราชผู้ใหญ่ ได้ท้าวไส้สัมฤทธิ์ บพิตรพิศพระราชา มาเปนเอกเอารสราช ด้วยนางนาฎสองศรี พ่อจะให้ดูวันดีเดือนชอบ แล้วจะประกอบการวิวาห์ ท้าว ธ พจนาดังนี้เสร็จ ธ ก็เสด็จ ยังมนทิราไลย ข่าวขจรไปถึงย่า ย่าไปว่าไปวอน อ้าภูธรธิบดี ลูกไพรีใจกาจ ฆ่าพระราชบิดา แล้วลอบมาดูถูก ประมาทลูกหลานเรา จะให้เอาจงได้ อย่าไว้ช้าดัสกร เราจะให้ฟอนให้ฟัน เราจะให้บั่นให้แล่ ทุกกระแบ่จงหนำใจ วอนเท่าใดก็ดี ปิ่นธรณีนาถมิฟัง ย่าไปยังวังย่า ว่าแก่หมู่ทกล้าทหาร ข้าผู้ชำนาญผู้ใหญ่ ใส่กลว่าท่านไท้ ธให้ไว้เปนงารตู ตูจะให้สูทั้งหลายฆ่า ว่าผู้ดูชาดูแคลน แหนความเราจงมิด ปิดความเราจงทั่ว ใครให้รั่วความขำ จะทำทัณฑ์ถึงขนาด ดาบปาดคอจงม้วย ด้วยบยำคำเรา เขาก็รับพระราชฎีกา ขันอาสาอคร้าว ท้าวธิราชท่าดู เล่ห์กลตูจะเอา เขาก็ลอบแต่งกันกั้น ครั้นราตรีดึกสงัด เขาก็สพัดสามรอบ ล้อมขอบเขตนิเวศน์วัง ขังบให้คนเข้าออก เขาจึงบอกแก่นายแก้วนายขวัญ สองฟังพลันยังจอมกษัตริย์ ทูลระหัสทุกประการ ภูบาลยิ้มแย้มหัว บมิกลัวเร่งองอาจ ดูดุจราชไกรสีห์ ครวีอาวุธภุชพล ตนนายแก้วนายขวัญ ขันอาสาเจ้าหล้า เผือข้าแจ้งใจถวาย ขอตายก่อนพระองค์ สองอนงค์อนุช น้อมศิรามพุชกับบาท ไท้ธิราชสาหส ธก็โลมบงกชกษัตรีย์ สองภัควะดีอย่าตกใจ บเปนใดณสองศรี มีพระสาสนชมชัว ค่อยยิ้มหัวเหล้นพลาง สองนางจึ่งชมชื่น ยื่นใจจริงบมิช้า เผือข้าก็กษัตริย์ชาติ ใจบมิขลาดกลัวตาย บมิเอาชายอื่นเปนคู่ บมิอยู่ให้ไทดูช้า บมิอยู่ให้ข้าดูแคลน ครั้นพระเมือแมนเมืองฟ้า เผือข้าตายตามราช พระบาทอย่าอาไลย สองเปลื้องสไบซ้ำซ่อน ทรงผ้าอ่อนร่อนดาบ อยู่ตราบข้างจอมกษัตริย์ บัดนางโรยแลนางรื่น ชื่นชมใจเชื่อแท้ แม้สามกษัตริย์สู่ฟ้า เผือจะเปนข้าผู้ใด ใครเขาจะเกรงจะขาม ขอตายตามเจ้าตน อยู่เมืองบนด้วยไท้ ไว้ยศให้คนชม ถวายบังคมนฤเบศร์ สองแปรเพศดุจชาย ห่มเสื้อกรายดาบง่า นางรื่นร่าไปสู่ อยู่ด้วยนายแก้วฝ่ายขวา นางโรยมาด้วยพลัน อยู่ด้วยนายขวัญฝ่ายซ้าย บมิผ้ายจากเจียนกัน เห็นอัศจรรย์จอมราช พระบาทเสด็จอยู่กลาง สองนางแนบสองข้าง เจ้าช้างจูบสองศรี สองกษัตรีย์จูบท้าว สองนายน้าวสองนาง กอดกันพลางชมเชย มินานเลยเขาเข้า เท่าถึงทวารปราสาท นายแก้วฟาดดาบฟัน นายขวัญแทงสุดทาว ลาวฝูงข้าพ่ายหนี ตีกันปือขึ้นคลุก ท้าวธก็รุกโรมฟัน ตายทับกันกลากลาศ หัวขาดตกเปนกลุ่ม เขาเร่งทุ่มหินผา ดากันเข้าระเร้ง ไม้ไล่เท้งฝาทลาย ส่วนสองนายพี่เลี้ยง รำร่อนรับอยู่เพี้ยง ดังช้างเมามัน ฯ

____________________________



คือเพรงกรรม
สามกษัตริย์สู่สรวง

     พี่เลี้ยงทั้งสี่ แลสามกษัตริย์ต่างม้วยมรณ์
     ท้าวพิไชยพิษณุกร ให้ประหารพระย่าแลทุกผู้ที่เกี่ยวข้องแก่การนี้

____________________________

ร่าย
    o ผันเข้าคลุกรุกรบ หลบหลีกปืนบให้ตอก หลบหลีกหอกบให้ต้อง เขาเร่งซ้องปืนยะยุ่ง ซ้องหอกพุ่งยะย้าย ข้าง ซ้ายเร่งมาหนา ข้างขวาเร่งมามาก เข้าทุกปลากรุกโรม สองนายโจมฟันเฟื่อง เครื่องพลัดตัวหัวขาด เขาก็สาดศรยึง ตรึงนายแก้วยะยัน ต้องนายขวัญท่าวทบ นางรื่นรบรุกฟัน นางโรยผันผาดแทง ด้วยปลายแวงกุมปัก เขาบรู้จักว่าผู้หญิง เขาก็ยิงต้องสองนาง วางมาสู่ผีผัว ทอดตัวทับสองนาย ตายตามกันทั้งสี่ ท้าวธเห็นพี่เลี้ยงราช พระบาทชื่นชมนัก น่ารักใคร่ใจเขา เยียวเรามิเหมือนได้ สองอ่อนไท้จึ่งร้องหัว เขาสิมิกลัวความพินาศ ดังฤๅเผือกษัตริย์ชาติจะกลัวตาย ไว้ความอายบรู้แล้ว สิ้นชีวิตฤๅแคล้ว อยู่เคล้าฤๅคลา พระเลย ฯ

โคลง ๔
    o พระแก้วพระอยู่เกล้าอย่าไฉน
เผือจักตายฤๅไคลคลาศไท้
พระเอยอย่าอาไลยเยียวอยู่ พระนา
ตายเมื่อใดจักได้ดั่งนี้ฤๅมี ฯ
    o ครั้นตายก็เกิดขึ้นกับกัน
เสวยพิภพสรวงสวรรค์ฟากฟ้า
เปนคนแลคนหยันฤๅอยู่ พระเอย
เท็จอยู่บเห็นหน้าอยู่เกล้าแหนงตาย ฯ
    o บเริ่มเขาสี่ไส้ยังตาย
เผือเผ่ากษัตริย์ฤๅผายจากไท้
รักตัวแต่กลัวอายหฤโหด พระเอย
รักราชตายด้วยได้อยู่ได้ฉันใด ฯ

โคลง ๒
    o ฟังจอมใจอ่อนท้าวพระหัวอยู่อคร้าว
ยั่วยิ้มยินดีร่อนา ฯ
    o สองกษัตรีย์เจ้าหล้าแกล้วกว่าแกล้วใจกล้า
กว่ากล้ากลัวอาย ฯ 
    o บกลัวตายเท่าเผ้ากรกระลึงตาวเต้า
ต่อข้างดัสกรแลนา ฯ


ร่าย
    o ไล่ฟอนฟันผันแทง แวงวัดตัดหัวขา ดูมหิมาทั้งสาม งามเงื่อนดังราชสีห์ ครวีอาวุธองอาจ เอิบอำนาจบมิกลัว ยิ้มแย้มหัวเล่นพลาง กางกรรอนรำรบ น้าวพิภพสำทับ เขาขับกันเข้ารบรอบ ดุจหอบฟางทอดไฟ เขาอยู่แต่ไกลบมิใกล้ ให้โทรมยิงสามกษัตริย์ ธก็เอาดาบวัดกระจัดกระจาย เขาเข้าหลายเหลือป้อง จึ่งปืนต้องพระองค์ สองอนงค์บมิกลัว เอาตัวออกรับปืน ยืนอยู่กับจอมราช เขาก็เร่งสาดศรพิษ ติดสามกษัตริย์สพรั่ง เลือดตกหลั่งถั่งลง สามพระองค์อิงกัน ผันหน้าต่อศัตรู พิศดูดุจนฤมิต สิ้นชีพิตพร้อมกัน ยืนอยู่ฉันบมิตาย เขาทั้งหลายกลัวไกล ข่าวขจรไปบมิมิด ถึงท้าวพิษณุกร ภูธรด่วนเสด็จมา เห็นสองธิดาสุดสวาท แลพระบาทลอดิลก เลือดตกอาบทั้งตน ยืนอยู่กลบมิตาย ธก็ฟายน้ำเนตรจะไจ้ เรียกลูกไท้แลเขยขวัญ เรียกฉันใดก็บมิพร้อง ต้องฉันใดก็บมิติง ยืนอิงกันอยู่กระด้าง เจ้าช้างจึงรู้ฉบัด ว่าสามกษัตริย์เสวยกรรม ธก็ทำฉันธบมิโกรธ ว่าฆ่านักโทษทั้งหลาย ตายตามกันหนำใจ แต่ผู้ใดกล้าสามารถ อาจอาสามาล้างเขา ให้มาเอารางวัล ผู้ใดอันแกล้วหาญ จะบำนาญยิ่งรู้หลัก เราจะให้ศักดิ์เปนขุน ปูนเปนหมื่นเปนพัน เขาก็หากันมาบมิช้า มาถ้วนหน้าบหลอได้ ธก็ให้เอาเชือกสรวมคอ ปอสับรัดมัดศอก แล้วให้เอาหอกร้อยขา ตราชื่อถ้วนทุกคน ก็ให้ฟันกลฟันหยวก ดาบจวกกลิ้งเกลือกตาย ส่วนหมู่นายนั้นไส้ ธก็ให้ต้มให้คลอก แต่ตนย่าดอกไส้ให้แล่ ใช่แม่ตัวเจ้าหล้า ธก็ให้ฆ่าให้ลำบาก ลากเอาศพเสียเสร็จ ธก็เสด็จยังลูกไท้ ไห้บรู้กี่ไห้ โอ้ลูกแก้วกับตน พ่อเอย ฯ
____________________________



โศกคลุมสรอง
     พิลาปรำพันของ ท้าวพิไชยพิษณุกร แล พระนางดาราวดี
     มี่ไห้ทั่วทังเมืองสรอง

____________________________

โคลง ๒
    o สองงามกลแว่นฟ้าทุกข์เท่าใดเห็นหน้า
ลูกแก้วกลอยหาย ฯ 
    o มาจะตายด้วยลูกแก้วเจ็บพ่อบรู้แล้ว
อยู่ได้ฉันใด ฯ 
    o หัวใจพ่อผกขว้ำทุกข์บรู้กี่ซ้ำ
สองอ่อนไท้ธิดาพ่อเอย ฯ

ร่าย
    o ส่วนสมเด็จดาราวดี พระชนนีรู้ข่าว ทะทึกท่าวทรุดสยบ ซรบซรอนลงฟะฟั่น สั่นหฤทัยทะทาว ชาวแม่ถนอมพระองค์ แล้วธก็ทรงคานหาม ไห้ตามเสด็จเดียรดาษ ถึงปราสาทสองศรี ภัควดีอ่อนละลวย ระทวยดุจวัลย์ทองท่าว น้ำตาคล่าวหลั่งหลาม ชูคานหามธขึ้น ถึงพ่างพื้นเรือนรัตน์ เห็นสามกษัตริย์สิ้นชนม์ ธก็ทอดตนตีอก ผกกลิ้งเกลือกไปมา แม่มาหาแก้วแม่ เคียดใดแก่แม่นา เจ้ามิเจรจาด้วยแม่ มิแต่งแง่ให้แม่ชม มิหวีผมให้แม่เชย มิเงยหน้าให้แม่จูบ มิลูบน้ำดอกไม้ไล้พระองค์ มิทรงกระแจะจรุงชมด มิเสวยรสเข้าปลา สองจะลีลาสู่ฟ้า ละแม่เปนกำพร้า เจ้าแม่เอ้ยปรานี แม่รา ฯ

โคลง ๒
    o ยินดีใดด่วนม้วยเยื้อนปากปราไสยด้วย
แม่ให้เต็มใจหนึ่งรา ฯ
    o ใดผิดใจสองเจ้าควรเคียดฤๅจึ่งเต้า
แขกฟ้าทั้งสอง ฯ 
    o หมองใจใดด่วนผ้ายสองอย่าคิดยินร้าย
แก่แม่ร้าณหัวแม่เอย ฯ
    o อ้าชรมัวเมือเช้าสีพระทนต์ทณเจ้า
แม่เอ้ยกับตนแม่ฮา ฯ
    o ลงบังคนทณแก้วออกจากบังคนแล้ว
เชิญอ่อนท้าวสองสรงเล่านา ฯ
    o ทรงบรัดผัดหน้าแต่งแง่ทรงสอิ้งผ้า
ย่างเยื้องมาหาแม่รา ฯ
    o สองมาเรียบดอกไม้ถวายธูปเทียนทองไหว้
พระบาทสร้อยสรรเพ็ชญ์หนึ่งรา ฯ
    o แล้วเสด็จมาทณเจ้าเจ้าแม่มาเสวยเข้า
แก่แม่ร้าสุดใจแม่เอย ฯ

ร่าย
    o เตือนฉันใดก็บมิพร้อง ต้องฉันใดก็บมิติง ยืนอิงกันอยู่กระด้าง ลอบพิตรเจ้าช้าง ห้ามบให้สองขาน แม่ฤๅ ฯ

โคลง ๒
    o พระภูบาลปิ่นเกล้าปิตุราชพระเสด็จเต้า
แขกท้าวฤๅแลพ่อเอย ฯ
    o บแปรพักตรต่อไท้บสั่งสักคำไว้
แก่แม่เล้ยสุดใจแม่เอย ฯ

โคลง ๔
    o เยียใดแก่ชีพนี้นิศผล
นับว่าตัวเปนคนคู่บ้า
บเห็นลูกกับตนตนอย่า เปนเลย
ตายจุ่งพลันเห็๋นหน้าลูกแก้วทั้งสอง ฯ
    o สบกษัตริย์พระญาติไห้อึงอุด อยู่นา
สบส่ำสาวสนมทรุดท่าวไห้
ปวงนางกำนัลสุดถึงไพร่ เมืองนา
คนหนึ่งฤๅอดได้เกลือกกลิ้งกลางดิน ฯ
    o เสียงไห้ทุกราษฎร์ไห้ทุกเรือน
อกแผ่นดินดูเหมือนจักขว้ำ
บเห็นตะวันเดือนดาวมืด มัวนา
แลแห่งใดเห็นน้ำย่อมน้ำตาคน ฯ

โคลง ๒
    o สาวสนมจนแก่นไท้ไห้เจ็บไห้แสบไห้
เลือดน้ำตาไหลแลนา ฯ
    o ปรีชาไวแว่นแท้ใจแก่นกษัตริย์กล้าแล้
จึงตั้งใจตรง ฯ 
    o สองพระองค์สร่างไห้สองบพิตรท้าวไท้
จึ่งห้ามทั้งหลาย ฯ 
    o ครั้นวายเสียงไห้แล้วสองราชชมใจแกล้ว
แก่นไท้ทั้งสาม ฯ 
    o ยืนตายงามเลิศแล้รู้ว่าใจกษัตริย์แท้
บให้ใครปูน ฯ 
    o ทั้งสองขุนพี่เลี้ยงนางรื่นนางโรยเพี้ยง
เทพไส้ไป่ปาน ฯ 
    o ใจหาญตายก่อนเจ้าเปนเพื่อนตายคลึงเคล้า
คู่หน้ารักใจบารนี ฯ
    o ทุกคนในแหล่งหล้าเสียงสรรเสริญถ้วนหน้า
ทั่วทั้งเมืองมี่มีแล ฯ
    o ธรณีฦๅลั่นฆ้องเสียงเสนาะฟ้าร้อง
เรียกท้าวยังสวรรค์ ฯ 

____________________________



โศกคลุมสรวง

     สรองจัดการแต่งศพทั้งเจ็ดตามราชประเพณี แล้วส่งข่าวให้สรวง
     พิลาปรำพันของพระนางบุญเหลือ สลดกำสรวลทั่วสรวง

____________________________

ร่าย
    o มี่อึงอรรณพไห้ เมืองหลวงไข้ทุกด้าว สมเด็จท้าวพิไชยพิษณุกร ธให้นำบังอรราชเทพี ดาราวดีเสด็จไป สู่คฤหาไลยพระองค์ ธให้สรงศพสามกษัตริย์ จัดสรรพภูษา ตราสังทั้งสามพระองค์ ผจงโลงทองหนึ่งใหญ่ ใส่สามกษัตริย์แล้วไส้ ธก็ให้แต่งโลงหนึ่งแล้ว ใส่ขุนแก้วแลนางรื่น โลงหนึ่งใส่หมื่นขวัญแลนางโรย ทำโดยรีตศพเสร็จ ธก็เสด็จยังปราสาท ให้หาราชศิลปี มีโองการบังคับ ให้สำหรับพระเมรุ เกฌฑ์กำหนดทุกกรม ให้แต่งพนมอัษฐทิศ พิพิธราชวัติฉัตร กลิ้งกลดธวัชบรรฎาก หลายหลากภาคบุษบก กระหนกวิหคเหมหงส์ บรรจงภาพจำเนียม ลางพนมเทียมอัสดร ลางมกรเทียมยยับ ประดับขับเข็นรถ อลงกฎคชสาร อลงการคชสีห์ สารถีสถิตชักรถ ชดกรกระลึงกุมแสง รำจำแทงองอาจ เผ่นผงาดขับสารสีห์ เทียมนนทรีชำนันสึงห์ ดึงไดฉบับจับกัน สรรพอสุราสุรครุฑ มนุษย์ภุชงค์คนธรรพ์ บรรเขบ็จภาพเรียงราย ขยายโรงโขนโรงรำ ทำระธาราวเทียน โคมเวียนโคมแว่นผจง โคมรหงฉลักเฉลา เสาโคมเรียงสล้าย เถลิงต้ายเตี้ยกำแพง แชลงราชวัติชวาลา บูชาศพสามกษัตริย์ แล้วธก็ตรัสให้หา ทูตานุทูตมาไซร้ ให้จำทูลพระราชสาส์น อีกบรรณาการทั้งหลาย ไปถวายแด่พระบาท ไท้ธิราชบุญเหลือ เครือทินกรราชชนนี ภควดีฟังพจนสาร ถ้วนทุกประการประกาศ ธมิอาจที่จะดำรง พระองค์ท้าวธอยู่ได้ ไท้สยบซบเหนือหมอน พระกรปิดพระพักตร ไห้ร่ำรักลูกไท้ ไห้บรู้กี่ไห้ ลูกแก้วกับตน แม่เอย ฯ

โคลง ๒
    o ชนนีกลัวดั่งนี้ห้ามเจ้าบรู้กี้
ท่านเจ้าฤๅฟังแม่เลย ฯ

ร่าย
    o หวังสิ้นชนม์ด้วยไข้ แก่แม่รา
สิ้นชีพไท้ด้วยผี แก่แม่รา
ในบุรีเราแม่ลูก แก่แม่รา
แม่จะยาหยูกจงเต็มใจ แก่แม่รา
ดังฤๅพ่อไปตายเมืองท่านม้วย แก่แม่เรา
ด้วยหอกตาวหลาวดาบ แก่แม่รา
ด้วยกำซาบปืนยา ดังนี้ ฯ

โคลง ๔
    o แม่สงวนมาแต่ตั้งมีครรภ์ ลูกเอย
บเบกษาสักอันหนึ่งน้อย
ถึงพระผ่านไอศวรรย์เสวยราช แลพ่อ
รักลูกรักได้ร้อยส่วนล้ำรักตัว ฯ
    o ใช่เปนไท้ท้าวแต่พอดี ลูกเลย
เปนมกุฎกษัตรีย์ผ่านเผ้า
ท้าวร้อยเอ็ดเมืองมีมาส่วย พระนา
ทูลบาทบงกชเจ้าแม่เที้ยรทุกวัน ฯ
    o เสวยสุขปราสาทเพี้ยงเมืองสวรรค์ ลูกเอย
เสด็จออกโรงกษัตริย์คัลคั่งเฝ้า
หัวเมืองหมื่นขุนพันนายไพร่ พลนา
เฝ้าบาทบงกชเจ้าคู่ท้าวเมืองแมน ฯ
    o พิศช้างคือคู่ช้างอมรินทร์ ลูกเอย
ม้าคู่อัศวทินกรหยาดฟ้า
รี้พลเพียบธรณินมีมั่ง เกษมนา
เมืองบพิตรเจ้าหล้าแม่เพี้ยงเมืองสวรรค์ ฯ

ร่าย
    o กรรมใดดลออกไท้ ไห้รักราชเอารส กำสรดสั่นสรรพางค์ ออกนางพ่างจะพินาศ เอนดูราชเทพี ลักษณวดีครั้นฟัง แล่นยังราชอยู่เกล้า อีกชาวเจ้าพระสนม เพื่อนภิรมย์เจ้าหล้า ถ้วนหน้าหาบมิอยู่ สู่สำนักท่านไท้ เห็นธไห้ทูลถาม ถ้อยความใดธพิลาป ครั้นฟังทาบตีอก สทกผมเผ้าเกล้าทรสาย ทอดตนตายวายทรวง ให้ระลวงฦๅลั่น สนั่นทั่วทั้งเวียง ฟังเสียงไห้ดั่งจะหว่า ใจเมืองบ้าดั่งจะผก หัวอกเมืองดั่งจะพัง ทั้งแผ่นดินทั่วหน้า ไห้ร่ำรักเจ้าหล้า พ่างเพี้ยงตัวตาย ฯ
____________________________




สิ้นสุดอาฆาตพยาบาท
จบเรื่องพระลอ
     สรวงแต่งเครื่องศพสู่สรอง จัดการปลงพระศพเสร็จแบ่งเถ้าอังคารกัน
____________________________

โคลง ๒

    o ไห้มิวายมิม้วยประดุจจักตายด้วย
ท่านท้าวทุกคน ฯ 
    o จึงมนตรีผู้เถ้าดัดดำรงชาวเจ้า
อย่าไห้คิดความก่อนรา ฯ
    o แผ่นดินหวามบรู้คิดจงหนักทุกผู้
อย่าได้ดูเบา ฯ 
    o เอากันมากราบไหว้แถลงถี่ถ้อยแด่ไท้
ธิราชเจ้าตนฟัง ฯ 
    o หนหลังเกรงแหล่งหล้าพระบาทคิดหนหน้า
อยู่เกล้าเสวยกรรม ฯ 
    o คิดผิดแผกแผ่นขว้ำผีก็จักซ้ำด้ำ
แต่ถ้าผลักพลอย 
    o คิดชอบรอยตอบถ้อยจงอย่ามีผิดน้อย
หนึ่งไส้เปนผล ฯ 
    o ไว้บัดดลอยู่เกล้าคิดจงหนักพระเจ้า
แต่งหน้าหนุนหลัง ฯ 

โคลง ๔
    o พระฟังพระขอบข้ามนตรี
คิดจักไปปลงผีลูกแก้ว
เกรงเมืองเกลือกจักมีคนกล่าว แคลนนา
แหนงจักตายจงแล้วอย่าให้คนเห็น ฯ
    o เร่งหาผู้รู้รอบทุกการ
เฉลียวฉลาดไวโวหารถ่องถ้อย
สิบขุนใหญ่อย่านานเตรียมแต่ง พลันนา
เงินก็ร้อยทองร้อยชั่งให้เอาไป ฯ
    o แก้วเก้าสบสิ่งผ้าแพรพรรณ
แลสิ่งจงครามครันอย่าช้า
ช้างม้าไพร่พลสรรเอาแต่ เร็วนา
ไปแต่งการเจ้าหล้าแม่เที้ยรต่างตัว ฯ
    o บรรณาการเจ้าแผ่นดินสรอง
กับพระชนนีสองพี่น้อง
เขียนสาส์นใส่ลานทองเร็วเร่ง ไปนา
สงวนชอบอย่าให้ข้องข่าวร้ายถึงเรา ฯ
    o เสร็จศพจอมราชแล้วขอรับ
พระธาตุสามกษัตริย์กับพี่เลี้ยง
สูลาจุ่งคำนับผจงแต่ง มานา
ประกอบถ้อยคำเกลี้ยงอย่าให้หมองเรา ฯ

ร่าย
    o ธให้เอาแขกไว้ ลาท่านไท้ธิราช ธก็ประสาทรางวัล พลันสำเร็จแล้วไส้ ธก็ให้แต่งทูตข้างนี้บให้ห่าง ไปพ่างทูตข้างนั้นบมิช้า เขาก็ตั้งหน้าไปบมินาน ถึงถวายสาส์นคำนับ แลทรัพย์อันจะแต่งศพ เจ้าพิภพธให้ประกอบ สำหรับชอบทุกประการ ครั้นแล้วงารศพเสร็จ ท้าวธเสด็จถวายพระเพลิง เถกิงการมหิมา เปนมหามหรสพ ตลบดุริยางคดนตรี ตีฆ้องกลองครื้นเครง ละเวงศัพท์แตรสังข์ ประดังเสียงกึกก้อง ท้องธรณีนฤนาท ดุจฟ้าฟาดพสุธา ดุจสาครครรชิต ชวลิตโชติชวาลา ดูเหลือตราเหลือไตร พิศประไพไพโรจน์ ชวยโชติช่วงชัชวาลย์ อเนกนุประการงามล้วน ถ้วนทุกสิ่งโอฬาร ครั้นแล้วการสำเร็จ สมเด็จบพิตรธให้สำรับ ประดับเครื่องอันจะรับธาตุ พระบาทธจึ่งให้แบ่งธาตุสามกษัตริย์แห่งละกึ่ง ครึ่งไว้หอพระญาติ ธาตุกึ่งให้แขกรับ ธก็ให้ประดับมรรคา รัถยารวดอลงกฎ รจนาไปถึงแดน ให้แห่แหนส่งธาตุ ส่วนพระบาทบุญเหลือกษัตริย์ ให้ประดับรัถยามา รจนารับพระธาตุ ยังรัตนราชธานี บุรีสรวงสะพิศาล ธก็แต่งกุฏาคารปราสาท ผจงไว้ธาตุสามกษัตริย์ ถัดสองข้างซ้ายขวา รจนามนทีรแล้ว ขวาขุนแก้วแลนางรื่น ซ้ายหมื่นขวัญแลนางโรย ท้าวธแต่งโดยใจภักดิ์ มหึมานักพันแพ่ง แต่งอเนกนุประการ ถวายพระทานจอมกษัตริย์ แด่พระรัตนไตรย ไขคลังทานทั่วหล้า ถ้วนหน้ารับแล้วไส้ ธก็ให้ประดิษฐาน อลังการสถูปเจดีย์ สามกษัตรีย์มหิมา ซ้ายขวาสถูปพี่เลี้ยง เพี้ยงจะปือแหล่งหล้า สู่เมืองฟ้าเมืองบน หนสมเด็จพิไชยพิษณุกร ภูธรทำดุจเดียว เทียวส่งสารเสน่หา ให้ไปมาบมิขาด บอกพระราชกำหนด กฎหมายวันอันบรรจุธาตุ สองกษัตริย์ราชแต่งการ ดูพิศาลสองสิมา เปนมโหฬารดิเรก อเนกทานทั่วหล้า ทุกทั่วชนถ้วนหน้า สทื้นเทือนทำบุญ ส่งนา ฯ

โคลง ๔
    o ทุกขุนทุกไพร่ฟ้ามุลนาย
ทุกทั่วหญิงชายทั้งแหล่งหล้า
ทำบุญส่งบุญถวายถึงราช แลนา
สวามิภักดิ์ตั้งหน้ารุ่งรู้เห็นบุญ ฯ
    o เปนศรีแก่ปากผู้ผจงฉันท์
คือคู่มาลาสรรเรียบร้อย
เปนถนิมประดับกรรณทุกเมื่อ
กลกระแจะต้องน้อยหนึ่งได้แรงใจ ฯ
  
  
    o จบเสร็จมหาราชเจ้านิพนธ์
ยอยศพระลอคนหนึ่งแท้
พี่เลี้ยงอาจเอาตนตายก่อน พระนา
ในโลกนี้สุดแล้เลิศล้ำคุงสวรรค์ ฯ
    o จบเสร็จเยาวราชเจ้าบรรจง
กลอนกล่าวพระลอยงยิ่งผู้
ใครฟังย่อมใหลหลงฤๅอิ่ม ฟังนา
ดิเรกแรกรักชู้เหิ่มแท้รักจริง ฯ

____________________________




จบบริบูรณ์