จบเรื่องพระลอ
พระเพื่อน พระแพงพรั่นกระดาก
พระลอ พระเพื่อน พระแพง พบพักตร์
โฉมงามสามแผ่นแพ้
พระเพื่อน พระแพงกระดากอายด้วยมิเคยสู่ชาย ให้นางรื่นนางโรยสอน.. ก็แลเรื่องเช่นนี้ที่ไหนจะสอนกันได้ ต่อเวลามาถึง ทีจะเปนย่อมเปนเอง... " น่อยหนึ่งพระจักได้ เล่ห์นั้นเปนเอง "
ตอนนี้ได้แยกสีคำขานไว้ให้เห็นโดยเด่นชัด
ชมโฉมพิลาศล้ำของสามองค์ ผ่านถ้อยพระพี่เลี้ยง
พี่เลี้ยงเชิญสามราชสู่ไสยา แล้วสู้ทนข่มไฟราคะตน เสงี่ยมเฝ้าแต่ภายนอก..
" รัญจวนสมรหมื่นกลั้น เพราะเพื่อภักดีหมั้น จึ่งกลั้นใจคง "
โคลง ๒
o มินานสองพี่เลี้ยง | ไหว้บาทบงกชเกลี้ยง |
เชิญอ่อนท้าวเสด็จใน ฯ | |
o สองอ่อนใจแจ่มฟ้า | ฟังพี่เลี้ยงเชิญช้า |
ซ่อนช้าอายใจ ฯ |
โคลง ๔
o พี่เอยแต่น้อยเกิด | ตนมา |
ยังไป่เคยเดียงสา | สักน้อย |
จักไปดั่งฤๅนา | วานช่วย ริรา |
อายเร่งอายค้อยค้อย | หนึ่งไส้เผือกลัว ฯ |
o ณหัวเจ้าข้าใช่ | เด็กเลย |
แม้บ่เคยจำเคย | จึ่งได้ |
พระทองแก่เรียมเอย | อย่าเหนี่ยว ราแม่ |
ฤๅบ่เอนดูไท้ | ธิราชแล้ณหัว พี่เอย ฯ |
o พระลอแฝงม่านเข้า | มาฟัง |
ฟังอำเภอสองยัง | หนุ่มแท้ |
พระเสด็จนั่งแนบหลัง | สองอยู่ ไส้นา |
สองไป่รู้ยังแก้ | พี่เลี้ยงไปมา ฯ |
o พี่เอยรักท้าวยิ่ง | หัวใจ นาพี่ |
เจ็บบ่เคยฉันใด | ดั่งนี้ |
เผือคิดเร่งเดียงใน | ใจยาก จริงนา |
วานพี่ทั้งสองชี้ | เล่ห์ให้เผือเห็น ฯ |
o สองฟังสองค่อยยิ้ม | ผินสรวล |
ใครห่อนสอนพระอวร | อ่อนได้ |
วันสองแรกรักครวญ | ถึงราช นั้นนา |
ใครสั่งสอนสองให้ | ละห้อยโหยหา ฯ |
o มิสอนก็อย่าร้า | มาหยัน อีกรา |
มิเอนดูอกกัน | ดั่งนี้ |
เห็นเดือนตวันวัน | คืนก่อน เผือนา |
ถามว่าบรู้ผี้ | ว่ารู้ฤๅถาม ฯ |
o พระเอยจะบอกได้ | ฉันใด |
พระจักเคียงถนัดใน | ที่ไท้ |
มินานอย่าอาไลย | เลยราช |
น่อยหนึ่งพระจักได้ | เล่ห์นั้นเปนเอง ฯ |
o พระลออดบได้ | ขิกหัว |
สองนาฎตกใจกลัว | สดุ้ง |
พระพักตรดุจดวงบัว | บานร่อ กันนา |
เผยม่านแพรพรรณวุ้ง | ออกให้เห็นองค์ ฯ |
o สองเห็นโฉมเจ้าแผ่น | ภูวดล |
งามเงื่อนทินกรกล | แว่นฟ้า |
ลืมอายอ่อนลืมตน | ตาต่อ พระนา |
พิศบ่พรับโอ้อ้า | เทพไส้ยาไฉน ฯ |
o ดำรงใจได้อ่อน | อายซบ อยู่นา |
สองบังคัลเคารพ | กราบไหว้ |
โฉมสองชื่นตาสบ | ใจราช แลนา |
พิศพี่พิศน้องไท้ | ท่านท้าวลืมตน ฯ |
o บัวทองเด็ดแต่น้ำ | เอามา แลนา |
แลว่าดวงดารา | หยาดฟ้า |
ฤๅจันทรจากเวหา | หาพี่ พระเอย |
เรียมเร่งคิดหน้าหน้า | หนุ่มหน้าติดใจ ฯ |
o สองนาฎพิศราชรื้อ | วางตา |
จอมราชพิศพักตรา | อ่อนไท้ |
บวางเนตรเลยนา | บานร่อ สองรา |
สองนาฎไหว้แล้วไหว้ | เล่าไหว้บทมาลย์ ฯ |
o นางโรยนางรื่นไหว้ | พิศภู เบศร์เฮย |
พิศอ่อนสองศรีตรู | เตรียบเฝ้า |
แลนางก็ลืมดู | จอมราช |
แลราชลืมดูเจ้า | พี่น้องทั้งสอง ฯ |
o พิศไท้ไท้ว่าไท้ | ทินกร |
พิศอ่อนคือศศิธร | แจ่มฟ้า |
พิศดูอิ่มอกอร | ใดดั่ง นี้นา |
เดือนยแย้มแย้มหน้า | ออกรื้อฉันใด ฯ |
o เพื่อนโรยวานช่วยตั้ง | ตาดู หนึ่งรา |
เราว่าพระเราตรู | ยิ่งผู้ |
โฉมพระพี่มาชู | งามเร่ง งามนา |
ทุกเทพอันรอบรู้ | แต่งท้าวทั้งสาม ฯ |
o พิศดูสิไป่ได้ | วางตา |
สามแผ่นภพฤๅหา | ดุจได้ |
บุญเราบ่านี้นา | นางรื่น กูเอย |
เราจึงเห็นสามไท้ | ธิราชผู้มีบุญ ฯ |
o สองนายเจ้าน้องอยู่ | ไหนมา ดูรา |
มาช่วยพิศพักตรา | อยู่เกล้า |
สุดใจบ่านี้นา | เฉลิมโลกย์ แลเฮย |
สามบพิตรพระเจ้า | พี่น้องงามสม ฯ |
ร่าย
o สองนางชมบมิวาย ส่วนสองนายผู้เชี่ยวชาญ ค่อยก้มกรานเข้าไป นั่งแต่ไกลกราบบาท ไท้ธิราชสามกษัตริย์ ชรดัดนิ้วประนม บังคมเคารพราช ชมโฉมนาฎทั้งสาม งามติดตาติดใจ ในแผ่นดินใต้ฟ้า เห็นแต่พระเจ้าหล้า พี่น้องทั้งสาม บารนี ฯ
โคลง ๔
o งามยงงามยิ่งแม้ | แมนมา แต่งฤๅ |
โฉมระทวยทอตา | แหล่งหล้า |
สมนักบ่านี้นา | สรบ่า นี้นา |
สดกว่าสดโอ่อ้า | อ่าโอ้เอาใจ ฯ |
o พี่เลี้ยงทั้งสี่ไหว้ | สามกษัตริย์ |
เชิญบาทบงกชรัตน์ | อยู่เกล้า |
เสด็จยังผธมสวัสดิ์ | ไสยาสน์ พระเอย |
เยียวเหนื่อยพระองค์เจ้า | พี่น้องทั้งสาม ฯ |
o พระลอลีลาศฟ้า | ดินไหว |
สองนาฎโดยเสด็จไตร | แผ่นพื้น |
สามกษัตริย์ทอดกรไกว | เงยง่า งามนา |
โฉมดุจเดือนดาวขึ้น | ส่องฟ้าดินบน ฯ |
o นางโรยนางรื่นร้าง | บทรัช |
เช็ดบาททั้งสามกษัตริย์ | ใส่เกล้า |
เชิญเสด็จภิรมย์สวัสดิ์ | ไสเยศ |
สองอ่อนอเคื้อเฝ้า | อยู่เพี้ยงสาวสวรรค์ ฯ |
o พี่เลี้ยงปิดม่านแล้ว | รับขวัญ ท่านนา |
ขวัญอ่อนอย่าไกลกัน | กับไท้ |
ขวัญสองแม่คือวัลย์ | เวียนรอบ พระนา |
ขวัญราชคงคือไม้ | มาศเกี้ยววัลย์กรอง ฯ |
o สองนางลาราชไหว้ | บทมาลย์ |
ถึงนอกสองหับทวาร | ท่านไว้ |
หับแล้วบ่ทันนาน | ยังพี่ นายนา |
นั่งแต่ไกลกามไหม้ | สวาทเพี้ยงไฟฟอน ฯ |
โคลง ๒
o รัญจวนสมรหมื่นกลั้น | เพราะเพื่อภักดีหมั้น |
จึ่งกลั้นใจคง ฯ | |
o รู้อายองค์ยากแท้ | ผิบ่รู้อายแล้ |
ง่ายพ้นประมาณ ฯ | |
o เรือนสำราญอยู่เหล้น | เร่งว่าร้ายแรงเต้น |
โลดร้ายฤๅอาย ฯ | |
o ทั้งหลายชี้กำด้น | ทำบรู้รุกร้น |
ฝ่ายร้ายฤๅแคลง ฯ |
โคลง ๔
o แรงรักแรงราคร้อน | รนสมร |
ยงยิ่งเปลวไฟฟอน | หมื่นไหม้ |
มนเทียรปิ่นภูธร | เปนที่ ยำนา |
ขืนข่มใจไว้ได้ | เพื่อตั้งภักดี ฯ |
o เรานี้เราเผ่าผู้ | ภักดี |
ผิดเท่าธุลีกลัว | เกลียดใกล้ |
ผิผิดกึ่งเกศี | แหนงว่า ตายนา |
ดีกว่าเปนคนให้ | ท่านชี้หลังตน ฯ |
ครรลองกาม สามเสพสามสมพาส
o ดุจสารเมามันบ้า | งาไล่แทงงวงคว้า |
อยู่เคล้าคลุกเอา ฯ |
โคลง ๒
o สี่คนคิดชอบถ้อย | สอนสั่งกันค้อยค้อย |
สว่างร้อนไฟกาม ฯ | |
o ส่วนสามกษัตริย์แก่นท้าว | กรโอบองค์โน้มน้าว |
แนบเนื้อเรียงรมย์ ฯ | |
o เชยชมชู้ปากป้อน | แสนอมฤตรสข้อน |
สวาทเคล้าคลึงสมร ฯ | |
o กรูเกี้ยวกรกอดเกื้อ | เนื้อแนบเนื้อโอ่เนื้อ |
อ่อนเนื้อเอาใจ ฯ | |
o พักตราใสใหม่หม้า | หน้าแนบหน้าโอ่หน้า |
หนุ่มหน้าสรสม ฯ | |
o นมแนบนมนิ่มน้อง | ท้องแนบท้องโอ่ท้อง |
อ่อนท้องทรวงสมร ฯ | |
o สมเสน่หอรใหม่หมั้ว | กลั้วรสกลั้วกลิ่นกลั้ว |
เกลสกลั้วสงสาร ฯ | |
o บุษบาบานคลี่คล้อย | สร้อยแลสร้อยซ้อนสร้อย |
เสียดสร้อยสระศรี ฯ | |
o ภุมรีคลึงคู่เคล้า | กลางกมลยรรเย้า |
ยั่วร้องขานกัน ฯ | |
o สรงสระสวรรค์ไป่เพี้ยง | สระพระนุชเนื้อเกลี้ยง |
อาบโอ้เอาใจ ฯ | |
o แสนสนุกในสระน้อง | ปลาชื่นชมเต้นต้อง |
ดอกไม้บัวบาน ฯ | |
o ตระการฝั่งสระแก้ว | หมดเผ้าผงผ่องแผ้ว |
โคกฟ้าฤๅปูน ฯ | |
o บุญมีมาจึงได้ | ชมเต้าทองน้องไท้ |
พี่เอ้ยวานชม | หนึ่งรา ฯ |
o พระเพื่อนสมสมรแล้ว | ลอราชเชยชมแก้ว |
แก่นไท้แพงทอง | เล่านา ฯ |
o ละบองบรรพหลากเหล้น | บเหนื่อยบได้เว้น |
เหิ่มชู้สมสมร ฯ | |
o ดุจอัสดรหื่นห้า | แรงเร่งเริงฤทธิ์กล้า |
เร่งเร้งฤๅเยาว์ ฯ | |
o ดุจสารเมามันบ้า | งาไล่แทงงวงคว้า |
อยู่เคล้าคลุกเอา ฯ | |
o ประเล้าโลมอ่อนไท้ | แก้วพี่เอยเรียมได้ |
ยากด้วยเยาวมาลย์ ฯ | |
o เอนดูวานอย่าพร้อง | เชิญพระนุชนิ่มน้อง |
อดพี่ไว้เอาบุญ | ก่อนเทิญ ฯ |
โคลง ๔
o พระคุณพระพี่พ้น | คณนา |
พระเอนดูนุชรา | ท่านไท้ |
เผือข้าไป่เดียงสา | สักหยาด พระเอย |
พระค่อยถนอมน้องไว้ | เพื่อนท้าวใจบุญ ฯ |
o บเปนใดเจ้าพี่ | อย่าแคลน |
รักแม่สุดดินแดน | กว่าฟ้า |
เรียมสงวนพระนุชแสน | สงวนยิ่ง ตัวนา |
ยามหนึ่งบเห็นหน้า | อ่อนท้าวเรียมตาย ฯ |
o บมลายสมรเร่งเร้ง | ฤทธิรงค์ |
สองอ่อนระทวยองค์ | ละห้อย |
ความรักดุจทิพยสรง | โสรจชื่น |
บัดชื่นบัดเศร้าสร้อย | สร่างสร้อยสรดใส ฯ |
o สะเทือนฟ้าฟื้นลั่น | สรวงสวรรค์ |
พื้นแผ่นดินแดยรร | หย่อนไส้ |
สาครคลื่นอึงอรร- | ณพเฟื่อง ฟองนา |
แลทั่วทิศไม้ไหล้ | โยกเยื้องอัศจรรย์ ฯ |
o ขุนสีห์คลึงคู่เคล้า | สาวสีห์ |
สารแนบนางคชลี | ลาสเหล้น |
ทรายทองย่องยงกรี- | ฑาชื่น ชมนา |
กะต่ายกะแตเต้น | ตอบเต้าสมสมร ฯ |
o ทินกรกรก่ายเกี้ยว | เมียงบัว |
บัวบ่บานหุบกลัว | ภู่ย้ำ |
ภุมรีภมรมัว | เมาซราบ บัวนา |
ซอนนอกในกลีบกล้ำ | กลิ่นกลัวเกสร ฯ |
o บคลาไคลน้อยหนึ่ง | ฤๅหยุด อยู่นา |
ยังใคร่ปองประติยุทธ์ | ไป่ม้วย |
ปรานีดอกบัวบุษป์ | บชื่น ชมนา |
หุบอยู่บบานด้วย | ดอกสร้อยสัตบรรณ ฯ |
โคลง ๒
o ตวันเจียนจิ่มฟ้า | สองพี่เลี้ยงทูลอ้า |
จะค่ำแล้วพระเอย ฯ | |
o พระทองเผยม่านแล้ว | เรียกพระพี่เลี้ยงแก้ว |
ทั้งสี่เข้าไปใน ฯ | |
o ริสุดใจจึ่งลี้ | ซ่อนเงื่อนกลนี่นี้ |
อย่าให้เห็นกล ฯ | |
o ไหว้บัดดลท่านไท้ | รับราชเสาวนีไว้ |
กึ่งเกล้าทูลทรง ฯ | |
o เชิญพระสรงสว่างร้อน | เสด็จอ่างทองเดียวซ้อน |
อาบด้วยสองศรี ฯ | |
o บุษบาบีเสียดสร้อย | จรดฤดีเหล้นน้อย |
หนึ่งได้แรงองค์ ฯ | |
o จากสรงเสด็จแท่นแก้ว | แต่งแง่งามเสร็จแล้ว |
แนบเนื้ออิงอร ฯ | |
o พี่เลี้ยงกรลูบเกล้า | ยกเครื่องเสวยเทียบเข้า |
แต่งตั้งเตรียมถวาย ฯ | |
o สองสายสมรอ่อนไหว้ | เตือนบพิตรเชิญไท้ |
ธิราชเจ้ากูเสวย ฯ | |
o ชูคางเชยหน้าสร้วย | เชิญอ่อนท้าวเสวยด้วย |
พี่ร้าทั้งสอง ฯ | |
o ของเสวยสวรรค์ไป่เพี้ยง | เพราะพระนุชเนื้อเกลี้ยง |
แนบเนื้อเรียมเสวย ฯ | |
o ทรามรักเอยปากป้อน | รสยิ่งรสฟ้าข้อน |
สวาทข้อนสงสาร ฯ | |
o เสวยสำราญเสร็จแล้ว | สองพระพี่เลี้ยงแก้ว |
นบท้าวทูลเตือน ฯ | |
o ตวันจะเลื่อนลับฟ้า | จอมราชเจ้าอย่าช้า |
อ่อนเอ้ยยามควร ฯ |
โคลง ๔
o พระอวรบใคร่แคล้ว | คลาเรียม |
เรียมราชพิศสองเสงี่ยม | ละห้อย |
สามกษัตริย์เดือดแดเกรียม | กรมสวาท แลนา |
หน้าแนบหน้าค้อยค้อย | คล่าวน้ำตาไหล ฯ |
o เอนดูสองอ่อนท้าว | ทรามรัก ท่านนา |
ก้มกราบลงกับตัก | ท่านไท้ |
น้ำตาโสรจสรงพักตร์ | แถวดั่ง ลงนา |
ไห้บ่รู้กี่ไห้ | สอื้นอาดูร ฯ |
o อ้าพระปิ่นเกล้าแผ่น | ธรณินทร์ |
แต่แรกเรียมฟังยิน | ข่าวไท้ |
จักกินบ่เปนกิน | ครวญใคร่ พระนา |
นอนบ่เปนนอนไข้ | สวาทถ้าฟังสาร ฯ |
o บุญบลทุกเทพย์เจ้า | จอมผา |
ทั้งเทพย์พฤกษาสิง | หมู่ไม้ |
ขอพระช่วยราชา | เชิญสู่ สมนา |
ลุลาภแล้วจักไหว้ | ปู่เจ้าทุกสถาน ฯ |
o เงินทองกองโกฏิแก้ว | ทูลถวาย |
สารสอดงาทองควาย | เผือกผู้ |
บุญบลร่นร้องขวาย | ขวนรอด มานา |
แม้บ่สมท้าวชู้ | อย่าแล้มีผัว ฯ |
o จึ่งพระเสด็จเต้าแขก | ทำขวัญ |
รักไป่ทันถึงวัน | ด่วนร้าง |
ดังฤๅจะจากฉัน | ใดดั่ง นี้นา |
กรกอดองค์เจ้าช้าง | ร่ำไห้หิวโหย ฯ |
o ระทดด้วยนุชน้อง | ระทวยองค์ ท่านนา |
ซรอนพระพักตร์ซบลง | สอื้น |
เหนือหลังสมบูรณ์บง- | กชมาศ กูเอย |
มิใคร่เงยหน้าขึ้น | จากเจ้าจอมสมร ฯ |
o เรียมสุขเสวยสุขเพี้ยง | อมรินทร์ อ่อนเอย |
ครั้นแรกเรียมฟังยิน | ข่าวน้อง |
บินลุพี่จักบิน | มาสู่ นุชนา |
มาบ่ได้ข่ายข้อง | สวาทเพี้ยงเขาขัง ฯ |
o เมืองกว้างช้างม้าสู้ | ละเสีย อ่อนเอย |
เสียแม่เสียเมียมา | สู่น้อง |
เสียสนมดุจดวงพเยีย | งามแง่ งามนา |
มาแต่ตัวเข้าข้อง | ข่ายท้าวทั้งสอง ฯ |
o พี่พบน้องเพี้ยงแต่ | ยามเดียว |
คือเชือกผสมสามเกลียว | แฝดฝั้น |
ดังฤๅจะพลันเหลียว | คืนจาก เรียมนา |
เจ้าจากเรียมจักกลั้น | สวาทกลั้นใจตาย ฯ |
o มิรักแลจึ่งเจ้า | จำไป จากนา |
แม้ว่ารักฤๅไคล | คลาศได้ |
เอโกเด็ดเดี่ยวไกล | มาแต่ ตัวนา |
เจ้าจะละเรียมไว้ | ก่ำพร้าคนเดียว ฯ |
o ฟังคำจอมราชร้อน | ฤๅวาย |
มาจะตีตนตาย | จุ่งแล้ว |
พระไฉนว่าราญสาย | ใจจาก พระนา |
ฤๅใคร่ไกลพระแก้ว | กึ่งเส้นเกศา ฯ |
o สองกษัตริย์สนองนาถถ้อย | ไปมา |
สูริยเรื่อยเรียงเวหา | คลาศคล้อย |
เขาเตือนราชชายา | จักค่ำ พระเอย |
ครั้นค่ำไส้ต้องถ้อย | ใหญ่แล้เปนความ ฯ |
โคลง ๒
o ไหว้สามกษัตริย์ใช่ช้า | จากแต่บัดเดี๋ยวอ้า |
ค่ำไส้คืนสม | เล่านา ฯ |
o พระตนกลมปิ่นเกล้า | ช่วยว่าให้น้องเหน้า |
ท่านท้าวเสด็จไป | หนึ่งรา ฯ |
o โอ้อาไลยค่อยพร้อง | เชิญพระนุชนิ่มน้อง |
อ่อนผ้ายลีลา | ก่อนเทอญ ฯ |
o สองธิดากราบไหว้ | ชูพระพักตร์น้องไท้ |
จูบท้าวทั้งสอง | สั่งนา ฯ |
o พักตราหมองสวาทไหม้ | ไหว้บาทละห้อยไห้ |
ค่อยผ้ายลีลา ฯ | |
o เหลียวหลังมาคะค้อย | น่าเอนดูน้องน้อย |
สั่งท้าวสนองสาร ฯ | |
o อย่านานนักอยู่เกล้า | เชิญบพิตรพระเจ้า |
เร่งผ้ายหาเผือ ฯ | |
o เรียมเจ็บเหลือที่พร้อง | จักใคร่ไปด้วยน้อง |
จากน้องเสมอตาย ฯ |
ได้กึ่งเดือน ความรั่วรู้ถึงท้าวพิไชยพิษณุกร
พระลอลอบเข้าวัง
เสพสุขอยู่ได้ครึ่งเดือน ความล่วงรู้ถึงท้าวพิไชยพิษณุกร จึงมาลอบมาดู หนที่แรกให้นึกแค้นนัก แต่พลันคิดขึ้นมาได้ว่าควรรับไว้เปนเขย
ร่าย
o พี่เลี้ยงถวายบังคม ประนมเชิญสองเสร็จ เสด็จถึงเกยทั้งสอง คานหามทองรับราช หมู่นางดาษบริพาร พี่รื่นชาญเชิงแก้ ซ่อนแง่งำเงื่อนมิด ปิดประตูไว้เสร็จ โดยเสด็จถึงทวารใหญ่ ใส่กลว่าลืมเครื่อง เบื้องในรัตนไสยา แม่โรยมาจะไปดู จงเปิดประตูไว้ท่า ไปบช้าบหึง ถึงเรือนรมย์พิมาน ไขทวารออกไส้ ให้นางโรยอยู่เฝ้า นางรื่นเข้ารับราช สองนายนาดมาตาม ยามค่ำคลุ้มบเห็นหน้า ลอบพิตรเจ้าหล้า กับพี่เลี้ยงปลอมไป ฯ
โคลง ๓
o ถึงทวารในเรือนหลวง | คล้ายถึงคลวงสองท้าว |
เชิญราชเสด็จขึ้นหย้าว | อยู่เร้นเรือนโรย ฯ |
โคลง ๒
o สองนางโดยเสด็จไท้ | สองซ่อนสองนายไว้ |
บให้เห็นตัว ฯ | |
o ราตรีมัวมืดฟ้า | เชิญบพิตรเจ้าหล้า |
ลอบขึ้นสมศรี ฯ | |
o ภัควะดีดวงดอกไม้ | เสด็จออกมารับไท้ |
ธิราชเข้าไปใน ฯ | |
o เยียใดพระอยู่ช้า | พระจะละให้ข้า |
พี่น้องตรอมตาย ฯ | |
o ถวายกรจูงเจ้าหล้า | ขึ้นบนแท่นทิพย์อ้า |
อ่อนได้แรงรมย์ ฯ | |
o พระตนกลมเสด็จแล้ว | เหนือฟูกผ้าเขนยแก้ว |
พระพี่น้องผจงถวาย ฯ | |
o ม่านแพรพรายเลิศล้น | หูนากหูทองพ้น |
พิศพื้นลายทอง ฯ | |
o ดอกไม้กรองเรียบร้อย | หอมตระหลบอบห้อย |
แห่งห้องไสยา ฯ | |
o พิดานดาดาษแก้ว | เฉลามาศฉลับแพร้วแพร้ว |
เพริศกั้งกษัตรีย์ ฯ |
โคลง ๔
o ผ้าต้นตีค่าล้วน | ทองถวาย |
ถวายกระแจะจรุงลาย | ลูบไล้ |
สลาพานมกรราย | รัตนแต่ง ถวายนา |
พระกระยาเสวยไท้ | อ่อนท้าวผจงถวาย ฯ |
o เสวยแล้วสามท่านไท้ | เสวยรมย์ |
หับประตูทองผทม | ท่านไว้ |
สองนางพี่ไปสม | สองพี่ นายนา |
สรวลสนุกไล้ไล้ | คู่เคล้าคลึงสมร ฯ |
o สองท้าวซอนซ่อนไท้ | เปนกล |
รู้แต่นางสองคน | พี่เลี้ยง |
ประมาณกึ่งเดือนดล | จรหล่ำ แลนา |
สรวลสนุกเล่นเพี้ยง | บรู้โรยแรง ฯ |
ร่าย
o ลางคาบแสดงดุจไข้ ลางคาบไท้ธสำราญ ลางคาบบานใจเหล้น ลางคาบเร้นส้อนองค์ ซุบซิบทรงเงื่อนแง่ แต่พี่เลี้ยงเข้าใน ใครใครบให้เข้า ฝูงชาวเจ้าพระกำนัล สกิดกันลอบเจรจา บัดนี้น่าหลากแท้ สองอยู่เกล้าเราแล้ กับพี่เลี้ยงเปนกล ฯ
โคลง ๒
o ควันความจนรั่วรู้ | ดอกบนำพารู้ |
หนึ่งให้แลดู ฯ |
โคลง ๓
o ดอกขายหูขายตา | คล้ายถึงคลวงสองท้าว |
ขจรข่าวถึงท้าวผู้ | พ่อไท้ทั้งสอง ฯ |
โคลง ๒
o ลอบมามองลูกไท้ | เคียดคู่ไฟฟ้าไหม้ |
แฝกฟุ้งไฟเข็ญ ฯ | |
o ลอบแลเห็นเจ้าหล้า | ลอราชงามโอ่อ้า |
อาจให้หายฟุน ฯ | |
o รอยบุญเขาส่งให้ | ไกลกว่าไกลเปนใกล้ |
ยิ่งใกล้อัศจรรย์ ฯ | |
o ลักชมขวัญคะค้อย | ลอราชนี้เท่าร้อย |
อยู่เงื้อมบทจร ฯ | |
o ได้ภูธรดุจได้ | ฟ้าแลดินมาไว้ |
อยู่เงื้อมมือเรา ฯ | |
o เอาเปนเขยแขกแก้ว | ยศโยคฤๅรู้แล้ว |
เลิศพ้นประมาณ ฯ |
ท้าวพิไชยพิษณุกรต้องใจพระลอ ตกลงรับพระลอเปนเขย
แต่พระย่าไม่ยอม แอบอ้างราชโองการสั่งทหารให้ไปจับพระลอมาฆ่าเสียจงได้
พระลอไม่ยอมให้จับ พระเพื่อนพระแพงแลนางรื่นนางโรยสู้อยู่เคียงข้าง
o ภูบาลแสร้งแสดงองค์ สองไหว้บงกชบาท พระลอราชค่อยถาม สองบอกนามปิตุราช พระบาทไท้เลืองลอ ธก็ยอกรกชประนม ถวายบังคมชมชื่น ยื่นความชอบนอบทูล ว่านเรสูรเจ้าหล้า ข้าร้างราชสมบัติ สลัดเสียเสร็จสล้าย หว้ายแต่ตัวมาหา พระปิตุราธิราช ข้าขอฝากอาตม์ประยูร เปนตระกูลเดียวด้วยไท้ ไว้เปนเอกวงศา เท่ากัลปาวสาน ภูบาลครั้นได้ยิน บานอรพินทุ์หฤทัย ประไพพักตรพิลาศ ยิ่งกว่าราชผู้ใหญ่ ได้ท้าวไส้สัมฤทธิ์ บพิตรพิศพระราชา มาเปนเอกเอารสราช ด้วยนางนาฎสองศรี พ่อจะให้ดูวันดีเดือนชอบ แล้วจะประกอบการวิวาห์ ท้าว ธ พจนาดังนี้เสร็จ ธ ก็เสด็จ ยังมนทิราไลย ข่าวขจรไปถึงย่า ย่าไปว่าไปวอน อ้าภูธรธิบดี ลูกไพรีใจกาจ ฆ่าพระราชบิดา แล้วลอบมาดูถูก ประมาทลูกหลานเรา จะให้เอาจงได้ อย่าไว้ช้าดัสกร เราจะให้ฟอนให้ฟัน เราจะให้บั่นให้แล่ ทุกกระแบ่จงหนำใจ วอนเท่าใดก็ดี ปิ่นธรณีนาถมิฟัง ย่าไปยังวังย่า ว่าแก่หมู่ทกล้าทหาร ข้าผู้ชำนาญผู้ใหญ่ ใส่กลว่าท่านไท้ ธให้ไว้เปนงารตู ตูจะให้สูทั้งหลายฆ่า ว่าผู้ดูชาดูแคลน แหนความเราจงมิด ปิดความเราจงทั่ว ใครให้รั่วความขำ จะทำทัณฑ์ถึงขนาด ดาบปาดคอจงม้วย ด้วยบยำคำเรา เขาก็รับพระราชฎีกา ขันอาสาอคร้าว ท้าวธิราชท่าดู เล่ห์กลตูจะเอา เขาก็ลอบแต่งกันกั้น ครั้นราตรีดึกสงัด เขาก็สพัดสามรอบ ล้อมขอบเขตนิเวศน์วัง ขังบให้คนเข้าออก เขาจึงบอกแก่นายแก้วนายขวัญ สองฟังพลันยังจอมกษัตริย์ ทูลระหัสทุกประการ ภูบาลยิ้มแย้มหัว บมิกลัวเร่งองอาจ ดูดุจราชไกรสีห์ ครวีอาวุธภุชพล ตนนายแก้วนายขวัญ ขันอาสาเจ้าหล้า เผือข้าแจ้งใจถวาย ขอตายก่อนพระองค์ สองอนงค์อนุช น้อมศิรามพุชกับบาท ไท้ธิราชสาหส ธก็โลมบงกชกษัตรีย์ สองภัควะดีอย่าตกใจ บเปนใดณสองศรี มีพระสาสนชมชัว ค่อยยิ้มหัวเหล้นพลาง สองนางจึ่งชมชื่น ยื่นใจจริงบมิช้า เผือข้าก็กษัตริย์ชาติ ใจบมิขลาดกลัวตาย บมิเอาชายอื่นเปนคู่ บมิอยู่ให้ไทดูช้า บมิอยู่ให้ข้าดูแคลน ครั้นพระเมือแมนเมืองฟ้า เผือข้าตายตามราช พระบาทอย่าอาไลย สองเปลื้องสไบซ้ำซ่อน ทรงผ้าอ่อนร่อนดาบ อยู่ตราบข้างจอมกษัตริย์ บัดนางโรยแลนางรื่น ชื่นชมใจเชื่อแท้ แม้สามกษัตริย์สู่ฟ้า เผือจะเปนข้าผู้ใด ใครเขาจะเกรงจะขาม ขอตายตามเจ้าตน อยู่เมืองบนด้วยไท้ ไว้ยศให้คนชม ถวายบังคมนฤเบศร์ สองแปรเพศดุจชาย ห่มเสื้อกรายดาบง่า นางรื่นร่าไปสู่ อยู่ด้วยนายแก้วฝ่ายขวา นางโรยมาด้วยพลัน อยู่ด้วยนายขวัญฝ่ายซ้าย บมิผ้ายจากเจียนกัน เห็นอัศจรรย์จอมราช พระบาทเสด็จอยู่กลาง สองนางแนบสองข้าง เจ้าช้างจูบสองศรี สองกษัตรีย์จูบท้าว สองนายน้าวสองนาง กอดกันพลางชมเชย มินานเลยเขาเข้า เท่าถึงทวารปราสาท นายแก้วฟาดดาบฟัน นายขวัญแทงสุดทาว ลาวฝูงข้าพ่ายหนี ตีกันปือขึ้นคลุก ท้าวธก็รุกโรมฟัน ตายทับกันกลากลาศ หัวขาดตกเปนกลุ่ม เขาเร่งทุ่มหินผา ดากันเข้าระเร้ง ไม้ไล่เท้งฝาทลาย ส่วนสองนายพี่เลี้ยง รำร่อนรับอยู่เพี้ยง ดังช้างเมามัน ฯ
สามกษัตริย์สู่สรวง
พี่เลี้ยงทั้งสี่ แลสามกษัตริย์ต่างม้วยมรณ์
ท้าวพิไชยพิษณุกร ให้ประหารพระย่าแลทุกผู้ที่เกี่ยวข้องแก่การนี้
ร่าย
o ผันเข้าคลุกรุกรบ หลบหลีกปืนบให้ตอก หลบหลีกหอกบให้ต้อง เขาเร่งซ้องปืนยะยุ่ง ซ้องหอกพุ่งยะย้าย ข้าง ซ้ายเร่งมาหนา ข้างขวาเร่งมามาก เข้าทุกปลากรุกโรม สองนายโจมฟันเฟื่อง เครื่องพลัดตัวหัวขาด เขาก็สาดศรยึง ตรึงนายแก้วยะยัน ต้องนายขวัญท่าวทบ นางรื่นรบรุกฟัน นางโรยผันผาดแทง ด้วยปลายแวงกุมปัก เขาบรู้จักว่าผู้หญิง เขาก็ยิงต้องสองนาง วางมาสู่ผีผัว ทอดตัวทับสองนาย ตายตามกันทั้งสี่ ท้าวธเห็นพี่เลี้ยงราช พระบาทชื่นชมนัก น่ารักใคร่ใจเขา เยียวเรามิเหมือนได้ สองอ่อนไท้จึ่งร้องหัว เขาสิมิกลัวความพินาศ ดังฤๅเผือกษัตริย์ชาติจะกลัวตาย ไว้ความอายบรู้แล้ว สิ้นชีวิตฤๅแคล้ว อยู่เคล้าฤๅคลา พระเลย ฯ
โคลง ๔
o พระแก้วพระอยู่เกล้า | อย่าไฉน |
เผือจักตายฤๅไคล | คลาศไท้ |
พระเอยอย่าอาไลย | เยียวอยู่ พระนา |
ตายเมื่อใดจักได้ | ดั่งนี้ฤๅมี ฯ |
o ครั้นตายก็เกิดขึ้น | กับกัน |
เสวยพิภพสรวงสวรรค์ | ฟากฟ้า |
เปนคนแลคนหยัน | ฤๅอยู่ พระเอย |
เท็จอยู่บเห็นหน้า | อยู่เกล้าแหนงตาย ฯ |
o บเริ่มเขาสี่ไส้ | ยังตาย |
เผือเผ่ากษัตริย์ฤๅผาย | จากไท้ |
รักตัวแต่กลัวอาย | หฤโหด พระเอย |
รักราชตายด้วยได้ | อยู่ได้ฉันใด ฯ |
โคลง ๒
o ฟังจอมใจอ่อนท้าว | พระหัวอยู่อคร้าว |
ยั่วยิ้มยินดี | ร่อนา ฯ |
o สองกษัตรีย์เจ้าหล้า | แกล้วกว่าแกล้วใจกล้า |
กว่ากล้ากลัวอาย ฯ | |
o บกลัวตายเท่าเผ้า | กรกระลึงตาวเต้า |
ต่อข้างดัสกร | แลนา ฯ |
ร่าย
o ไล่ฟอนฟันผันแทง แวงวัดตัดหัวขา ดูมหิมาทั้งสาม งามเงื่อนดังราชสีห์ ครวีอาวุธองอาจ เอิบอำนาจบมิกลัว ยิ้มแย้มหัวเล่นพลาง กางกรรอนรำรบ น้าวพิภพสำทับ เขาขับกันเข้ารบรอบ ดุจหอบฟางทอดไฟ เขาอยู่แต่ไกลบมิใกล้ ให้โทรมยิงสามกษัตริย์ ธก็เอาดาบวัดกระจัดกระจาย เขาเข้าหลายเหลือป้อง จึ่งปืนต้องพระองค์ สองอนงค์บมิกลัว เอาตัวออกรับปืน ยืนอยู่กับจอมราช เขาก็เร่งสาดศรพิษ ติดสามกษัตริย์สพรั่ง เลือดตกหลั่งถั่งลง สามพระองค์อิงกัน ผันหน้าต่อศัตรู พิศดูดุจนฤมิต สิ้นชีพิตพร้อมกัน ยืนอยู่ฉันบมิตาย เขาทั้งหลายกลัวไกล ข่าวขจรไปบมิมิด ถึงท้าวพิษณุกร ภูธรด่วนเสด็จมา เห็นสองธิดาสุดสวาท แลพระบาทลอดิลก เลือดตกอาบทั้งตน ยืนอยู่กลบมิตาย ธก็ฟายน้ำเนตรจะไจ้ เรียกลูกไท้แลเขยขวัญ เรียกฉันใดก็บมิพร้อง ต้องฉันใดก็บมิติง ยืนอิงกันอยู่กระด้าง เจ้าช้างจึงรู้ฉบัด ว่าสามกษัตริย์เสวยกรรม ธก็ทำฉันธบมิโกรธ ว่าฆ่านักโทษทั้งหลาย ตายตามกันหนำใจ แต่ผู้ใดกล้าสามารถ อาจอาสามาล้างเขา ให้มาเอารางวัล ผู้ใดอันแกล้วหาญ จะบำนาญยิ่งรู้หลัก เราจะให้ศักดิ์เปนขุน ปูนเปนหมื่นเปนพัน เขาก็หากันมาบมิช้า มาถ้วนหน้าบหลอได้ ธก็ให้เอาเชือกสรวมคอ ปอสับรัดมัดศอก แล้วให้เอาหอกร้อยขา ตราชื่อถ้วนทุกคน ก็ให้ฟันกลฟันหยวก ดาบจวกกลิ้งเกลือกตาย ส่วนหมู่นายนั้นไส้ ธก็ให้ต้มให้คลอก แต่ตนย่าดอกไส้ให้แล่ ใช่แม่ตัวเจ้าหล้า ธก็ให้ฆ่าให้ลำบาก ลากเอาศพเสียเสร็จ ธก็เสด็จยังลูกไท้ ไห้บรู้กี่ไห้ โอ้ลูกแก้วกับตน พ่อเอย ฯ
มี่ไห้ทั่วทังเมืองสรอง
โคลง ๒
o สองงามกลแว่นฟ้า | ทุกข์เท่าใดเห็นหน้า |
ลูกแก้วกลอยหาย ฯ | |
o มาจะตายด้วยลูกแก้ว | เจ็บพ่อบรู้แล้ว |
อยู่ได้ฉันใด ฯ | |
o หัวใจพ่อผกขว้ำ | ทุกข์บรู้กี่ซ้ำ |
สองอ่อนไท้ธิดา | พ่อเอย ฯ |
ร่าย
o ส่วนสมเด็จดาราวดี พระชนนีรู้ข่าว ทะทึกท่าวทรุดสยบ ซรบซรอนลงฟะฟั่น สั่นหฤทัยทะทาว ชาวแม่ถนอมพระองค์ แล้วธก็ทรงคานหาม ไห้ตามเสด็จเดียรดาษ ถึงปราสาทสองศรี ภัควดีอ่อนละลวย ระทวยดุจวัลย์ทองท่าว น้ำตาคล่าวหลั่งหลาม ชูคานหามธขึ้น ถึงพ่างพื้นเรือนรัตน์ เห็นสามกษัตริย์สิ้นชนม์ ธก็ทอดตนตีอก ผกกลิ้งเกลือกไปมา แม่มาหาแก้วแม่ เคียดใดแก่แม่นา เจ้ามิเจรจาด้วยแม่ มิแต่งแง่ให้แม่ชม มิหวีผมให้แม่เชย มิเงยหน้าให้แม่จูบ มิลูบน้ำดอกไม้ไล้พระองค์ มิทรงกระแจะจรุงชมด มิเสวยรสเข้าปลา สองจะลีลาสู่ฟ้า ละแม่เปนกำพร้า เจ้าแม่เอ้ยปรานี แม่รา ฯ
โคลง ๒
o ยินดีใดด่วนม้วย | เยื้อนปากปราไสยด้วย |
แม่ให้เต็มใจ | หนึ่งรา ฯ |
o ใดผิดใจสองเจ้า | ควรเคียดฤๅจึ่งเต้า |
แขกฟ้าทั้งสอง ฯ | |
o หมองใจใดด่วนผ้าย | สองอย่าคิดยินร้าย |
แก่แม่ร้าณหัว | แม่เอย ฯ |
o อ้าชรมัวเมือเช้า | สีพระทนต์ทณเจ้า |
แม่เอ้ยกับตน | แม่ฮา ฯ |
o ลงบังคนทณแก้ว | ออกจากบังคนแล้ว |
เชิญอ่อนท้าวสองสรง | เล่านา ฯ |
o ทรงบรัดผัดหน้า | แต่งแง่ทรงสอิ้งผ้า |
ย่างเยื้องมาหา | แม่รา ฯ |
o สองมาเรียบดอกไม้ | ถวายธูปเทียนทองไหว้ |
พระบาทสร้อยสรรเพ็ชญ์ | หนึ่งรา ฯ |
o แล้วเสด็จมาทณเจ้า | เจ้าแม่มาเสวยเข้า |
แก่แม่ร้าสุดใจ | แม่เอย ฯ |
ร่าย
o เตือนฉันใดก็บมิพร้อง ต้องฉันใดก็บมิติง ยืนอิงกันอยู่กระด้าง ลอบพิตรเจ้าช้าง ห้ามบให้สองขาน แม่ฤๅ ฯ
โคลง ๒
o พระภูบาลปิ่นเกล้า | ปิตุราชพระเสด็จเต้า |
แขกท้าวฤๅแล | พ่อเอย ฯ |
o บแปรพักตรต่อไท้ | บสั่งสักคำไว้ |
แก่แม่เล้ยสุดใจ | แม่เอย ฯ |
โคลง ๔
o เยียใดแก่ชีพนี้ | นิศผล |
นับว่าตัวเปนคน | คู่บ้า |
บเห็นลูกกับตน | ตนอย่า เปนเลย |
ตายจุ่งพลันเห็๋นหน้า | ลูกแก้วทั้งสอง ฯ |
o สบกษัตริย์พระญาติไห้ | อึงอุด อยู่นา |
สบส่ำสาวสนมทรุด | ท่าวไห้ |
ปวงนางกำนัลสุด | ถึงไพร่ เมืองนา |
คนหนึ่งฤๅอดได้ | เกลือกกลิ้งกลางดิน ฯ |
o เสียงไห้ทุกราษฎร์ไห้ | ทุกเรือน |
อกแผ่นดินดูเหมือน | จักขว้ำ |
บเห็นตะวันเดือน | ดาวมืด มัวนา |
แลแห่งใดเห็นน้ำ | ย่อมน้ำตาคน ฯ |
โคลง ๒
o สาวสนมจนแก่นไท้ | ไห้เจ็บไห้แสบไห้ |
เลือดน้ำตาไหล | แลนา ฯ |
o ปรีชาไวแว่นแท้ | ใจแก่นกษัตริย์กล้าแล้ |
จึงตั้งใจตรง ฯ | |
o สองพระองค์สร่างไห้ | สองบพิตรท้าวไท้ |
จึ่งห้ามทั้งหลาย ฯ | |
o ครั้นวายเสียงไห้แล้ว | สองราชชมใจแกล้ว |
แก่นไท้ทั้งสาม ฯ | |
o ยืนตายงามเลิศแล้ | รู้ว่าใจกษัตริย์แท้ |
บให้ใครปูน ฯ | |
o ทั้งสองขุนพี่เลี้ยง | นางรื่นนางโรยเพี้ยง |
เทพไส้ไป่ปาน ฯ | |
o ใจหาญตายก่อนเจ้า | เปนเพื่อนตายคลึงเคล้า |
คู่หน้ารักใจ | บารนี ฯ |
o ทุกคนในแหล่งหล้า | เสียงสรรเสริญถ้วนหน้า |
ทั่วทั้งเมืองมี่ | มีแล ฯ |
o ธรณีฦๅลั่นฆ้อง | เสียงเสนาะฟ้าร้อง |
เรียกท้าวยังสวรรค์ ฯ |
สรองจัดการแต่งศพทั้งเจ็ดตามราชประเพณี แล้วส่งข่าวให้สรวง
พิลาปรำพันของพระนางบุญเหลือ สลดกำสรวลทั่วสรวง
ร่าย
o มี่อึงอรรณพไห้ เมืองหลวงไข้ทุกด้าว สมเด็จท้าวพิไชยพิษณุกร ธให้นำบังอรราชเทพี ดาราวดีเสด็จไป สู่คฤหาไลยพระองค์ ธให้สรงศพสามกษัตริย์ จัดสรรพภูษา ตราสังทั้งสามพระองค์ ผจงโลงทองหนึ่งใหญ่ ใส่สามกษัตริย์แล้วไส้ ธก็ให้แต่งโลงหนึ่งแล้ว ใส่ขุนแก้วแลนางรื่น โลงหนึ่งใส่หมื่นขวัญแลนางโรย ทำโดยรีตศพเสร็จ ธก็เสด็จยังปราสาท ให้หาราชศิลปี มีโองการบังคับ ให้สำหรับพระเมรุ เกฌฑ์กำหนดทุกกรม ให้แต่งพนมอัษฐทิศ พิพิธราชวัติฉัตร กลิ้งกลดธวัชบรรฎาก หลายหลากภาคบุษบก กระหนกวิหคเหมหงส์ บรรจงภาพจำเนียม ลางพนมเทียมอัสดร ลางมกรเทียมยยับ ประดับขับเข็นรถ อลงกฎคชสาร อลงการคชสีห์ สารถีสถิตชักรถ ชดกรกระลึงกุมแสง รำจำแทงองอาจ เผ่นผงาดขับสารสีห์ เทียมนนทรีชำนันสึงห์ ดึงไดฉบับจับกัน สรรพอสุราสุรครุฑ มนุษย์ภุชงค์คนธรรพ์ บรรเขบ็จภาพเรียงราย ขยายโรงโขนโรงรำ ทำระธาราวเทียน โคมเวียนโคมแว่นผจง โคมรหงฉลักเฉลา เสาโคมเรียงสล้าย เถลิงต้ายเตี้ยกำแพง แชลงราชวัติชวาลา บูชาศพสามกษัตริย์ แล้วธก็ตรัสให้หา ทูตานุทูตมาไซร้ ให้จำทูลพระราชสาส์น อีกบรรณาการทั้งหลาย ไปถวายแด่พระบาท ไท้ธิราชบุญเหลือ เครือทินกรราชชนนี ภควดีฟังพจนสาร ถ้วนทุกประการประกาศ ธมิอาจที่จะดำรง พระองค์ท้าวธอยู่ได้ ไท้สยบซบเหนือหมอน พระกรปิดพระพักตร ไห้ร่ำรักลูกไท้ ไห้บรู้กี่ไห้ ลูกแก้วกับตน แม่เอย ฯ
โคลง ๒
o ชนนีกลัวดั่งนี้ | ห้ามเจ้าบรู้กี้ |
ท่านเจ้าฤๅฟัง | แม่เลย ฯ |
ร่าย
o หวังสิ้นชนม์ด้วยไข้ แก่แม่รา
สิ้นชีพไท้ด้วยผี แก่แม่รา
ในบุรีเราแม่ลูก แก่แม่รา
แม่จะยาหยูกจงเต็มใจ แก่แม่รา
ดังฤๅพ่อไปตายเมืองท่านม้วย แก่แม่เรา
ด้วยหอกตาวหลาวดาบ แก่แม่รา
ด้วยกำซาบปืนยา ดังนี้ ฯ
โคลง ๔
o แม่สงวนมาแต่ตั้ง | มีครรภ์ ลูกเอย |
บเบกษาสักอัน | หนึ่งน้อย |
ถึงพระผ่านไอศวรรย์ | เสวยราช แลพ่อ |
รักลูกรักได้ร้อย | ส่วนล้ำรักตัว ฯ |
o ใช่เปนไท้ท้าวแต่ | พอดี ลูกเลย |
เปนมกุฎกษัตรีย์ | ผ่านเผ้า |
ท้าวร้อยเอ็ดเมืองมี | มาส่วย พระนา |
ทูลบาทบงกชเจ้า | แม่เที้ยรทุกวัน ฯ |
o เสวยสุขปราสาทเพี้ยง | เมืองสวรรค์ ลูกเอย |
เสด็จออกโรงกษัตริย์คัล | คั่งเฝ้า |
หัวเมืองหมื่นขุนพัน | นายไพร่ พลนา |
เฝ้าบาทบงกชเจ้า | คู่ท้าวเมืองแมน ฯ |
o พิศช้างคือคู่ช้าง | อมรินทร์ ลูกเอย |
ม้าคู่อัศวทินกร | หยาดฟ้า |
รี้พลเพียบธรณิน | มีมั่ง เกษมนา |
เมืองบพิตรเจ้าหล้า | แม่เพี้ยงเมืองสวรรค์ ฯ |
ร่าย
o กรรมใดดลออกไท้ ไห้รักราชเอารส กำสรดสั่นสรรพางค์ ออกนางพ่างจะพินาศ เอนดูราชเทพี ลักษณวดีครั้นฟัง แล่นยังราชอยู่เกล้า อีกชาวเจ้าพระสนม เพื่อนภิรมย์เจ้าหล้า ถ้วนหน้าหาบมิอยู่ สู่สำนักท่านไท้ เห็นธไห้ทูลถาม ถ้อยความใดธพิลาป ครั้นฟังทาบตีอก สทกผมเผ้าเกล้าทรสาย ทอดตนตายวายทรวง ให้ระลวงฦๅลั่น สนั่นทั่วทั้งเวียง ฟังเสียงไห้ดั่งจะหว่า ใจเมืองบ้าดั่งจะผก หัวอกเมืองดั่งจะพัง ทั้งแผ่นดินทั่วหน้า ไห้ร่ำรักเจ้าหล้า พ่างเพี้ยงตัวตาย ฯ
จบเรื่องพระลอ
โคลง ๒
o ไห้มิวายมิม้วย | ประดุจจักตายด้วย |
ท่านท้าวทุกคน ฯ | |
o จึงมนตรีผู้เถ้า | ดัดดำรงชาวเจ้า |
อย่าไห้คิดความ | ก่อนรา ฯ |
o แผ่นดินหวามบรู้ | คิดจงหนักทุกผู้ |
อย่าได้ดูเบา ฯ | |
o เอากันมากราบไหว้ | แถลงถี่ถ้อยแด่ไท้ |
ธิราชเจ้าตนฟัง ฯ | |
o หนหลังเกรงแหล่งหล้า | พระบาทคิดหนหน้า |
อยู่เกล้าเสวยกรรม ฯ | |
o คิดผิดแผกแผ่นขว้ำ | ผีก็จักซ้ำด้ำ |
แต่ถ้าผลักพลอย ฯ | |
o คิดชอบรอยตอบถ้อย | จงอย่ามีผิดน้อย |
หนึ่งไส้เปนผล ฯ | |
o ไว้บัดดลอยู่เกล้า | คิดจงหนักพระเจ้า |
แต่งหน้าหนุนหลัง ฯ |
โคลง ๔
o พระฟังพระขอบข้า | มนตรี |
คิดจักไปปลงผี | ลูกแก้ว |
เกรงเมืองเกลือกจักมี | คนกล่าว แคลนนา |
แหนงจักตายจงแล้ว | อย่าให้คนเห็น ฯ |
o เร่งหาผู้รู้รอบ | ทุกการ |
เฉลียวฉลาดไวโวหาร | ถ่องถ้อย |
สิบขุนใหญ่อย่านาน | เตรียมแต่ง พลันนา |
เงินก็ร้อยทองร้อย | ชั่งให้เอาไป ฯ |
o แก้วเก้าสบสิ่งผ้า | แพรพรรณ |
แลสิ่งจงครามครัน | อย่าช้า |
ช้างม้าไพร่พลสรร | เอาแต่ เร็วนา |
ไปแต่งการเจ้าหล้า | แม่เที้ยรต่างตัว ฯ |
o บรรณาการเจ้าแผ่น | ดินสรอง |
กับพระชนนีสอง | พี่น้อง |
เขียนสาส์นใส่ลานทอง | เร็วเร่ง ไปนา |
สงวนชอบอย่าให้ข้อง | ข่าวร้ายถึงเรา ฯ |
o เสร็จศพจอมราชแล้ว | ขอรับ |
พระธาตุสามกษัตริย์กับ | พี่เลี้ยง |
สูลาจุ่งคำนับ | ผจงแต่ง มานา |
ประกอบถ้อยคำเกลี้ยง | อย่าให้หมองเรา ฯ |
ร่าย
o ธให้เอาแขกไว้ ลาท่านไท้ธิราช ธก็ประสาทรางวัล พลันสำเร็จแล้วไส้ ธก็ให้แต่งทูตข้างนี้บให้ห่าง ไปพ่างทูตข้างนั้นบมิช้า เขาก็ตั้งหน้าไปบมินาน ถึงถวายสาส์นคำนับ แลทรัพย์อันจะแต่งศพ เจ้าพิภพธให้ประกอบ สำหรับชอบทุกประการ ครั้นแล้วงารศพเสร็จ ท้าวธเสด็จถวายพระเพลิง เถกิงการมหิมา เปนมหามหรสพ ตลบดุริยางคดนตรี ตีฆ้องกลองครื้นเครง ละเวงศัพท์แตรสังข์ ประดังเสียงกึกก้อง ท้องธรณีนฤนาท ดุจฟ้าฟาดพสุธา ดุจสาครครรชิต ชวลิตโชติชวาลา ดูเหลือตราเหลือไตร พิศประไพไพโรจน์ ชวยโชติช่วงชัชวาลย์ อเนกนุประการงามล้วน ถ้วนทุกสิ่งโอฬาร ครั้นแล้วการสำเร็จ สมเด็จบพิตรธให้สำรับ ประดับเครื่องอันจะรับธาตุ พระบาทธจึ่งให้แบ่งธาตุสามกษัตริย์แห่งละกึ่ง ครึ่งไว้หอพระญาติ ธาตุกึ่งให้แขกรับ ธก็ให้ประดับมรรคา รัถยารวดอลงกฎ รจนาไปถึงแดน ให้แห่แหนส่งธาตุ ส่วนพระบาทบุญเหลือกษัตริย์ ให้ประดับรัถยามา รจนารับพระธาตุ ยังรัตนราชธานี บุรีสรวงสะพิศาล ธก็แต่งกุฏาคารปราสาท ผจงไว้ธาตุสามกษัตริย์ ถัดสองข้างซ้ายขวา รจนามนทีรแล้ว ขวาขุนแก้วแลนางรื่น ซ้ายหมื่นขวัญแลนางโรย ท้าวธแต่งโดยใจภักดิ์ มหึมานักพันแพ่ง แต่งอเนกนุประการ ถวายพระทานจอมกษัตริย์ แด่พระรัตนไตรย ไขคลังทานทั่วหล้า ถ้วนหน้ารับแล้วไส้ ธก็ให้ประดิษฐาน อลังการสถูปเจดีย์ สามกษัตรีย์มหิมา ซ้ายขวาสถูปพี่เลี้ยง เพี้ยงจะปือแหล่งหล้า สู่เมืองฟ้าเมืองบน หนสมเด็จพิไชยพิษณุกร ภูธรทำดุจเดียว เทียวส่งสารเสน่หา ให้ไปมาบมิขาด บอกพระราชกำหนด กฎหมายวันอันบรรจุธาตุ สองกษัตริย์ราชแต่งการ ดูพิศาลสองสิมา เปนมโหฬารดิเรก อเนกทานทั่วหล้า ทุกทั่วชนถ้วนหน้า สทื้นเทือนทำบุญ ส่งนา ฯ
โคลง ๔
o ทุกขุนทุกไพร่ฟ้า | มุลนาย |
ทุกทั่วหญิงชายทั้ง | แหล่งหล้า |
ทำบุญส่งบุญถวาย | ถึงราช แลนา |
สวามิภักดิ์ตั้งหน้า | รุ่งรู้เห็นบุญ ฯ |
o เปนศรีแก่ปากผู้ | ผจงฉันท์ |
คือคู่มาลาสรร | เรียบร้อย |
เปนถนิมประดับกรรณ | ทุกเมื่อ |
กลกระแจะต้องน้อย | หนึ่งได้แรงใจ ฯ |
o จบเสร็จมหาราชเจ้า | นิพนธ์ |
ยอยศพระลอคน | หนึ่งแท้ |
พี่เลี้ยงอาจเอาตน | ตายก่อน พระนา |
ในโลกนี้สุดแล้ | เลิศล้ำคุงสวรรค์ ฯ |
o จบเสร็จเยาวราชเจ้า | บรรจง |
กลอนกล่าวพระลอยง | ยิ่งผู้ |
ใครฟังย่อมใหลหลง | ฤๅอิ่ม ฟังนา |
ดิเรกแรกรักชู้ | เหิ่มแท้รักจริง ฯ |